บพท.รุกหน้าสานต่อการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย พัฒนาคน พัฒนาพื้นที่ในจังหวัดชายแดนใต้ ผนึกกำลังร่วมกับสภาเกษตรกรจังหวัดยะลา เกษตรกรในพื้นที่ ต่อยอดองค์ความรู้พัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพผลผลิตทุเรียน ยกระดับ “วิสาหกิจชุมชนพัฒนาคุณภาพทุเรียนบ้านบาตูปูเต๊ะ (ธารโต)” สร้างโมเดลต้นแบบบริหารจัดการทุเรียนอย่างครบวงจร ก้าวต่อไปสร้างเครือข่าย เชื่อมต่อกลไกรัฐ ทั้งสภาเกษตรจังหวัดและ ศอ.บต
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนพัฒนาคุณภาพทุเรียนบ้านบาตูปูเต๊ะ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า กลุ่มทุเรียนหนามเขียว อยู่ในอำเภอธารโต จังหวัดยะลา เกิดจากการรวมตัวของเกษตรกรที่ต้องการทำทุเรียนให้มีคุณภาพเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับทุเรียนในพื้นที่ โดยการผลักดันสนับสนุนจาก ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) สภาเกษตรจังหวัด และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เริ่มต้นจากปี 2560 เรื่อยมา จากเกษตรกรที่มุ่งมั่นเข้าร่วม จำนวนเพียง 5 ราย เติบโตแบบก้าวกระโดด มีการจัดตั้งจุดรวบรวมคัดแยกทุเรียน หรือ ล้ง ปัจจุบันกลุ่มมีสมาชิกเติบโตมากกว่า 400 ราย มูลค่าการส่งออก 375 ล้านบาท กระทั่งล่าสุด สมาชิกร่วมกันสร้างห้องเย็นแห่งแรกของตัวเองขึ้นมารองรับผลผลิตได้แล้วในปีนี้ หวังสนับสนุนเป้าส่งออกให้ได้ 1,500 ตัน จากปีที่แล้วที่ส่งออกได้ 1,000 ตัน
ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เปิดเผยว่า หน่วย บทท. ได้ใช้ชุดความรู้จากงานวิจัย ตลอดจนกระบวนการวิจัยที่สอดคล้องกับวิถีชีวิต และบริบทพื้นที่เข้าควบคู่ไปกับการเสริมพลังเชื่อมโยงกับกลไกรัฐ และกลไก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จังหวัดยะลา ซึ่งไปสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาคุณภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ทุเรียนในจังหวัดชายแดนใต้ ให้เกษตรกรชาวสวนทุเรียนรวมกลุ่มกันในลักษณะเครือข่ายเป็นวิสาหกิจชุมชนธุรกิจ กระทั่งส่งผลให้ทุเรียนเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดชายแดนใต้ เป็นพื้นที่ที่มีการปลูกทุเรียนมากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกจังหวัดชายแดนใต้
“ยะลา ที่ผ่านมาแม้มีเกษตรกรเยอะ แต่กระจัดกระจาย ไม่มีการรวมตัว ทุกวันนี้ชุดความรู้จากงานวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพผลผลิตทุเรียนซึ่ง บพท. ให้การสนับสนุน และหลังจากภาคีความร่วมมือหลายภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) และสภาเกษตร ทำให้เกษตรกรชาวสวนทุเรียน สามารถขายทุเรียนได้ราคาดีขึ้นมาก มีความมั่นคงทางอาชีพ จากเดิมส่งออกได้แค่ 20% ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 60% ตอนนี้มีคิวรถส่งทุเรียนเข้ามาที่ล้งเยอะมาก อย่างคืนล่าสุดมากกว่า 100 คิว”
“บพท. ยังจะช่วยเสริมพลังแก่วิสาหกิจชุมชนชาวสวนทุเรียน โดยเฉพาะวิสาหกิจชุมชนพัฒนาคุณภาพทุเรียนบ้านบาตูปูเต๊ะ(ธารโต) ด้วยการยกระดับการพัฒนาคุณภาพ ประสิทธิภาพ และเสริมขีดความสามารถแก่เกษตรกรในการเป็นผู้ประกอบการ เพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำของการกระจายรายได้ เพิ่มโอกาสแก่เกษตรกรในการมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเลี้ยงผึ้งชันโรง”
นายมะเสาวดี ไสสากา หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดยะลา กล่าวว่า สภาเกษตรกรจังหวัดยะลา และเกษตรกรชาวสวนทุเรียนในพื้นที่ ได้ใช้ประโยชน์จากงานวิจัย ที่ บพท. ให้การสนับสนุน ผสมผสานกับหลักการทางศาสนาอิสลาม ไปพัฒนาศักยภาพแก่เกษตรกรชาวสวนทุเรียนอย่างได้ผล ทำให้ผลผลิตทุเรียนมีคุณภาพดีขึ้น ขายได้ราคามากขึ้น และเป็นที่ต้องการของตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ
“ความรู้ในการพัฒนาคุณภาพทุเรียน ความรู้ในการเก็บและใช้ข้อมูลสำหรับการวางแผน ตลอดจนความรู้ ในการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งเป็นส่วนที่ บทท. ให้คำแนะนำ จะนำมาประยุกต์เข้ากับหลักศาสนาอิสลาม 5 ประการ ได้แก่ 1) “อามานะ” คือความรับผิดชอบต่อโลกและเพื่อนมนุษย์ 2) “ซูรอ” คือการปรึกษาหารือร่วมกัน 3) “นาซีฮัต คือการตักเตือนซึ่งกันและกัน 4) มูฮาซาบะห์” คือการตรวจสอบติดตามประเมินผล 5). “ญามาอะห์” คือการรวมหมู่ ซึ่งนำไปสู่การขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพแก่เกษตรกรชาวสวนทุเรียน ให้ร่วมกันผลิตทุเรียนที่ดีต่อโลกและดีต่อเพื่อนมนุษย์”
ผลของการพัฒนาคุณภาพทุเรียนทำให้เกษตรกรขายทุเรียนคุณภาพ ได้ในราคาที่สูงขึ้นกว่าเดิม 2-3 เท่าตัว จากเดิม 50 บาท/กก. เป็น 100-150 บาท/กก. ในปัจจุบัน และมีผลผลิตเพิ่มขึ้นในเชิงปริมาณด้วยเฉลี่ย 470-500 ก.ก./ไร่ โดยมีปริมาณรับซื้อและส่งจำหน่ายรวม 3,000 ตัน ในปี 2565
การรวมตัวเป็นกลุ่มของเกษตรกรในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน การใช้กระบวนการกลุ่ม ระบบการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน เพิ่มมูลค่าทางการตลาดในการจำหน่ายทุเรียน สามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดโดยใช้แนวคิดการบูรณาการร่วมระหว่างห่วงโซ่อุปทานและห่วงโซ่มูลค่า โดยมี “วิสาหกิจชุมชนพัฒนาคุณภาพทุเรียนบ้านบาตูปูเต๊ะ (ธารโต)” เป็นศูนย์กลาง จากกลุ่มเล็กๆ ที่ต่างคนต่างทำ ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกกลุ่มทั้งสิ้น 398 รายใน 11 ชุมชน มีเครือข่าย 20 กลุ่ม ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอ ในจังหวัดยะลา ได้แก่ ธารโต เบตง บันนังสตา กรงปินัง รามัน และอำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส มีพื้นที่ปลูกรวมกัน 6,000 ไร่
ภายใต้กระบวนการจัดการทุเรียนคุณภาพของวิสาหกิจชุมชนพัฒนาคุณภาพทุเรียนบ้านบาตูปูเต๊ะ มุ่งเน้นการทำทุเรียนเพื่อส่งออกในนามทุเรียนยะลา สามารถสร้างทุเรียนหนามเขียว ซึ่งเป็นผลผลิตเด่นของยะลา ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ส่งออก สามารถส่งออกไปจีนได้ 27 ตู้คอนเทนเนอร์ สร้างรายได้ 300 ล้านบาท ในปี 2565
“วิสาหกิจชุมชนพัฒนาคุณภาพทุเรียนบ้านบาตูปูเต๊ะ (ธารโต)” เป็นกลุ่มเกษตรกรต้นแบบที่มีการพัฒนาอย่างครบถ้วน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มีการบริหารจัดการแบบครบวงจร นอกจากจะเป็นผู้ปลูกแล้วทางกลุ่มยังได้มีการร่วมลงทุนของสมาชิกเปิดตลาดกลางรับซื้อทุเรียน การรวบรวมและการกระจายผลผลิตทุเรียน ทุกเกรดจากสมาชิกและเกษตรกรทั่วไป ทั้งทุเรียนเกรด ABC ทุเรียนตกไซส์ หรือแม้กระทั่งทุเรียนมีหนอน ซึ่งมีกระบวนการจัดการนำมาแกะเนื้อทำเป็นทุเรียนแช่แข็ง เพิ่มมูลค่าทุเรียน โดยกลุ่มมีห้องเย็นเป็นของตัวเอง ใช้เงินลงทุน 20 ล้านบาท ถือเป็นห้องเย็นแห่งแรกของจังหวัดยะลาที่มีเป็นกลุ่มเกษตรกรเป็นเจ้าของลงทุนเอง นอกเหนือจากห้องเย็นที่ภาครัฐและผู้ประกอบการเป็นผู้ลงทุน
ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่เกษตรกรเห็นโอกาสในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจใหม่และการต่อยอดธุรกิจเดิม ยกระดับการบริหารจัดการ สร้างมูลค่า และคุณภาพ โดยการเพิ่มมาตรฐานการผลิต GAP มาตรฐาน GMP เกิดการเชื่อมโยงด้านการตลาดทุเรียนทั้งในและต่างประเทศ ยังมีการเชื่อมโยงพันธมิตรทางการค้าการลงทุน เพื่อส่งต่อไปยังตลาดคุณภาพ ช่วยสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร สำหรับปี 2566 จะมีปริมาณผลผลิต 5,000 ตันหรือ 5 ล้าน ก.ก. มูลค่า 750 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2565 ประมาณ 43% และในอนาคตมีการวางแผนว่า จะขยายสมาชิกเครือข่ายกลุ่มผลิตทุเรียนคุณภาพ เพิ่มอีก 4,000 ไร่ ภายในปี 2570 โดยเป้าหมายของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพัฒนาคุณภาพทุเรียนบ้านบาตูปูเต๊ะ คือ พัฒนาทุเรียนคุณภาพยะลาทั้งจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุเรียนสะเด็ดน้ำ ซึ่งเป็นสินค้า GI ของจังหวัดยะลา ที่สามารถทําราคาเพิ่มได้ดี