ศาลอาชญากรรมสงครามเขมรแดงของกัมพูชาที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ มีคำพิพากษาคดีครั้งสุดท้ายเมื่อวันพฤหัสบดี ยืนข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และโทษจำคุกตลอดชีวิตของเขียว สัมพัน ผู้นำคนสุดท้ายของเขมรแดงที่ยังมีชีวิต
เอเอฟพีรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2565 ว่าศาลอาชญากรรมสงครามเขมรแดงของกัมพูชาพิจารณาคำอุทธรณ์ของเขียว สัมพัน ประมุขแห่งรัฐของระบอบปกครองคอมมิวนิสต์ของเขมรแดงที่สังหารประชากรกัมพูชาไป 1 ใน 4 ภายในเวลาไม่ถึง 4 ปี ในช่วงทศวรรษ 1970 โดยพิพากษายืนข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และโทษจำคุกตลอดชีวิตของเขียว สัมพัน ผู้นำคนสุดท้ายของเขมรแดงที่ยังมีชีวิต
ผู้รอดชีวิตจากเขมรแดงยินดีกับคำตัดสิน ซึ่งเป็นคำตัดสินสุดท้ายจากศาลแห่งนี้ ซึ่งใช้ค่าใช้จ่ายในการพิจารณาคดีไปมากกว่า 330 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดำเนินคดีกับผู้นำเขมรแดงเพียง 5 คน โดย 2 คนเสียชีวิตไประหว่างการพิจารณาคดี
คง สะริม หัวหน้าคณะผู้พิพากษาศาลฎีกา กล่าวว่า คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาไม่เห็นเหตุผลที่ฟังขึ้นในคำโต้แย้งของเขียว สัมพัน ในกรณีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และได้ปฏิเสธคำโต้แย้งเหล่านั้น
ศาลยังยืนกรานคำพิพากษาปี 2561 ต่อชายชราวัย 91 ปี ผู้นี้ในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติหลายครั้ง รวมถึงการฆาตกรรม การทรมานและการจับคนไปเป็นทาส แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมเป็นการส่วนตัวกับอาชญากรรมทั้งหมด
มีประชาชนราว 500 คน รวมตัวกันในห้องพิจารณาคดีเพื่อฟังคำตัดสิน รวมถึงพระสงฆ์ นักการทูต ข้าราชการ และผู้ที่รอดชีวิตจากเขมรแดง
ชุม เมย วัย 91 ปี หนึ่งในไม่กี่คนที่รอดชีวิตจากคุกทรมาน S-21 ซึ่งมีคนถูกฆ่าตายราว 18,000 คน ยินดีกับคำตัดสินของศาล “ผมมีความสุขมาก คำตัดสินสมเหตุสมผล ให้ความยุติธรรมกับผม” เขากล่าว
ลิม ชิง ผู้ที่สูญเสียญาติไปกว่า 20 คน รวมถึงแม่ของเธอบอกกับเอเอฟพีว่าคำตัดสินของศาลถูกต้อง ระบอบการปกครองของพล พต ได้ทำสิ่งเลวร้ายหลายอย่าง และสังหารผู้คนไปจำนวนมาก.