เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565 ณ ที่ทำการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ พร้อมด้วยคุณสุรพล อุทินทุ ผู้บริหารสำนักประสานงานภายนอก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องดื่มตราช้าง, คุณพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมฯ, คุณจิรัชยากร กองทอง ผู้จัดการโครงการกีฬาฟุตบอลไทยเบฟ ไทยทาเล้นท์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องดื่มตราช้าง ร่วมพิธีมอบเงินสนับสนุน “กองทุนพัฒนาเยาวชนช้างศึกไทย” จำนวน 10 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7
พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า “ต้องขอบคุณ “ช้าง” ที่มอบเงินสนับสนุนให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ สมทบ “กองทุนพัฒนาเยาวชนช้างศึกไทย” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 เพื่อสร้างรากฐานและพัฒนานักฟุตบอลไทยตั้งแต่ระดับเยาวชนให้มีประสิทธิภาพและก้าวขึ้นเป็นกำลังหลักให้กับทีมชาติไทยชุดใหญ่ต่อไปในอนาคต”
“ในฐานะนายกสมาคมฯ ผมต้องขอขอบคุณ “ช้าง” แทนแฟนบอลชาวไทยทุกคน โดยสมาคมฯ จะนำเงินดังกล่าวไปใช้ตามวัตถุประสงค์ให้คุ้มค่าที่สุด ตามเจตนารมณ์ของเครื่องดื่มตราช้าง ทุกบาทจะถูกนำไปใช้อย่างโปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อการวางรากฐานพัฒนาฟุตบอลไทย”
ด้านคุณสุรพล อุทินทุ ผู้บริหารสำนักประสานงานภายนอก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เครื่องดื่มตราช้าง ได้ให้การสนับสนุนวงการฟุตบอลไทยมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่า 20 ปี โดยปัจจุบัน “ช้าง” สนับสนุนสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ โดยแบ่งงบประมาณออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกใช้ในการสนับสนุนสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จำนวน 100 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 10 ปี รวม 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนากีฬาฟุตบอลไทยแบบทั้งระบบ”
“ส่วนที่สอง “ช้าง” ได้จัดตั้ง “กองทุนพัฒนาเยาวชนช้างศึกไทย” มอบเงินสนับสนุนเพิ่มเติมอีกปีละ 10 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 10 ปี รวม 100 ล้านบาท ซึ่งการมอบเงินครั้งนี้ นับเป็นปีที่ 7 เพื่อให้ทางสมาคมฯ ได้นำไปใช้ในการวางแผน สร้างรากฐาน และพัฒนานักฟุตบอลไทยในระดับเยาวชนโดยเฉพาะ เพื่อที่จะเติบโตไปอย่างมั่นคงและมีคุณภาพ ที่ผ่านมาเราได้เห็นการเติบโตและการพัฒนาของนักฟุตบอลเยาวชนอย่างต่อเนื่องในทุกๆรุ่น ซึ่งน้องๆเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติไทยในอนาคตอย่างแน่นอน”
สำหรับเงินสนับสนุนที่ “เครื่องดื่มตราช้าง” มอบให้สมาคมฯ รวมเป็นเงินสนับสนุนปีละ 110 ล้านบาท โดยมีพันธะสัญญา 10 ปี รวมทั้งสิ้น 1,100 ล้านบาท ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวผ่านช่องทางออนไลน์ : ThaiBev ThaiTalent และ www.thaibevthaitalent.com