กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ประกาศทิศทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มงานลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ปี 2566 เดินหน้าต่อยอดความสำเร็จในการสร้างตลาดการเงินด้านความยั่งยืนตามโมเดล ESG ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ชูจุดเด่น Total Financing & Hedging Solutions นำเสนอนวัตกรรมทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร พร้อมสร้างความแตกต่างด้วยบริการที่ปรึกษาด้านการเงินและการลงทุนโดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน ผนึกกำลังผ่านเครือข่ายของ MUFG เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและอาเซียน มุ่งมั่นเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจของลูกค้าอย่างต่อเนื่องตามแผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบันปี 2564 – 2566 สู่การเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าธุรกิจไว้วางใจ
นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “สำหรับปี 2565 ที่ผ่านมา กรุงศรีประสบความสำเร็จในการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมธุรกิจให้กับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ โดยยอดสินเชื่อลูกค้าธุรกิจมีอัตราเติบโตอยู่ที่ 2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 474,500 ล้านบาท ขณะเดียวกัน กรุงศรีได้ให้ความสำคัญกับแนวคิดการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลสู่ความยั่งยืน หรือ ESG Financing มาโดยตลอด และในปีที่ผ่านมา กรุงศรีสนับสนุนการเงินเพื่อความยั่งยืนกว่า 35,000 ล้านบาท นับเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของกรุงศรีในด้าน ESG ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง”
ปิดดีลใหญ่ หนุนธุรกิจไทยสู่การเติบโตยั่งยืน
สำหรับปีที่ผ่านมา กรุงศรี ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้กลุ่มลูกค้าธุรกิจประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืนผ่านดีลสำคัญมากมาย อาทิ ร่วมเป็นผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน(Sustainability Bond) ให้กับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และยังได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทั้งการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Loan: SL) มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท และร่วมจัดจำหน่ายหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน มูลค่าเสนอขายรวม 4,500 ล้านบาท นอกจากนี้ กรุงศรี ยังได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม โดยเป็นผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Bond) ให้กับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รวมทั้งให้การสนับสนุนสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) กับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
ตอกย้ำความสำเร็จด้วยจุดแข็งด้านวาณิชธนกิจ
นอกจากความเชี่ยวชาญและความสำเร็จทางธุรกิจในด้าน ESG กรุงศรียังได้ให้บริการที่ปรึกษาด้านวาณิชธนกิจในดีลสำคัญอีกมากมาย โดยภายใต้ความร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จํากัด (มหาชน) บริษัทในเครือของกรุงศรี ได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้จัดการการจัดจําหน่ายและรับประกันการจําหน่ายหุ้นสามัญให้กับบริษัท ไทยประกันชีวิต จํากัด (มหาชน) ในการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งนับเป็น IPO ของหุ้นในหมวดธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย และยังมีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับตั้งแต่ปี 2543 รวมถึงการร่วมเป็นหนึ่งในผู้จัดการการจัดจําหน่ายและรับประกันการจําหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมให้กับ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งนับเป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2565 ขณะเดียวกัน ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor) กรุงศรีได้ให้คำปรึกษาด้านการควบรวมกิจการ (M&A) และช่วยหาพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในระดับภูมิภาคแก่บริษัทซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) ในการร่วมทุนเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Investor) กับกลุ่มธุรกิจ Ayala เพื่อร่วมลงทุนและพัฒนาธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในภูมิภาคอาเซียน ผ่านความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างทีมกรุงศรี MUFG และ Security Bank ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินในเครือข่ายของ MUFG
ชูกลยุทธ์เพื่อธุรกิจครบวงจร พัฒนาตลาดการเงินเพื่อความยั่งยืน พร้อมสร้างศักยภาพธุรกิจไทยสู่อาเซียน
สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2566 นายประกอบ กล่าวว่า กรุงศรี ยังคงเดินหน้าสานต่อเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจของลูกค้าอย่างต่อเนื่องตามแผนธุรกิจระยะกลาง โดยตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 5% และตั้งเป้าการสนับสนุนด้าน ESG Finance อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของธนาคารในการสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน 50,000 – 100,000 ล้านบาทภายในปี 2573 ทั้งนี้ กลุ่มงานลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจยังคงมุ่งมั่นในการเป็น Trusted Partner หรือ พันธมิตรที่ลูกค้าธุรกิจไว้วางใจอย่างแท้จริง ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
- พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน และให้ความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าด้าน ESG Financing ในตลาดการเงินโลกร่วมกับ MUFG โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสังคม และการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) อย่างต่อเนื่อง อาทิ สินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน และหุ้นกู้ ESG รวมถึงการให้สินเชื่อเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษ และด้วยการตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน กรุงศรีได้จัดตั้งหน่วยงาน ที่ถือเป็น Centre of Excellence เพื่อดูแลความต้องการของลูกค้าธุรกิจในด้าน ESG Financingโดยเฉพาะ ทั้งยังให้ความสำคัญในการรับรองกรอบหลักเกณฑ์การระดมทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Financing Framework) ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึงการนำเอาองค์ความรู้จาก MUFG มาปรับใช้เพื่อเป็นประโยชน์กับลูกค้าธุรกิจและช่วยพัฒนาตลาดการเงินเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
- ชูศักยภาพด้าน Total Financing & Hedging Solutions ผ่านการนำเสนอนวัตกรรมทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยความเข้าใจในอุตสาหกรรมที่แตกต่างและหลากหลาย พร้อมให้บริการลูกค้าในทุกกระบวนการและรอยต่อในการทำธุรกิจ นอกจากนั้นยังให้คำปรึกษา วิเคราะห์ และสนับสนุนข้อมูลเพื่อการวางแผนธุรกิจ ทั้งการขยายเครือข่ายธุรกิจ การควบรวมกิจการ และการขยายการลงทุนในต่างประเทศ
- ผนึกกำลัง MUFG ผ่านเครือข่ายกว่า 50 ประเทศ เชื่อมโยงความสามารถในการให้บริการกับพันธมิตรของธนาคารเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมเพิ่มศักยภาพและขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและอาเซียน เพื่อรองรับความต้องการในการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคตามแนวทาง GO ASEAN with krungsri
“กรุงศรีจะใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งด้านเครือข่าย ความเชี่ยวชาญ และองค์ความรู้ของ MUFG มาใช้ในการพัฒนาศักยภาพในการให้บริการแก่ลูกค้า และเน้นการสร้างทีมที่แข็งแกร่ง มีความเข้าใจลูกค้า นำเสนอโซลูชันที่ครบวงจรและเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละอุตสาหกรรม ที่สำคัญเราจะยังคงมุ่งส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนตามโมเดล ESG เพื่อสนับสนุนลูกค้าธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป” นายประกอบ กล่าวสรุป