ลีวายส์ เผยภาพรวมผลประกอบการ และการเติบโตธุรกิจในประเทศไทย พร้อมอัพเดทการเข้าถึงผู้บริโภคด้วยหลักการ Direct-to-Consumer (DTC) มุ่งเน้นผ่านแนวคิดร้าน NextGen Indigo และการเฉลิมฉลองครบรอบ 170 ปี ของแบรนด์ Levi’s และครบรอบ 150 ปีของ กางเกงยีนส์รุ่นอมตะ 501 ตั้งเป้าลดอายุของผู้ซื้อต่ำกว่า 30 ปีให้มากขึ้น และลูกค้าที่เป็นผู้หญิงให้มากขึ้น

งานแถลงช่าวที่ร้าน Levi’s ชั้น 2 ไอคอน สยาม ซี่งเป็นช็อปลีวายส์ที่ใหญ่สุดของ ประเทศไทย เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซาเมียร์ กุล (Sameer Koul) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ลีวาย สเตราส์ แอนด์ โค ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศไทย เผยถึงข้อมูลการเติบโตของแบรนด์ในประเทศไทยหลังจากที่ Levi’s Strauss & Co. เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยเองแบบ 100% หรือพูดอีกอย่างคือบริษัทแม่เข้ามาทำตลาดเอง ตั้งแต่เมื่อ เมษายน ปีที่แล้ว  (2565) กล่าวว่า

 “ปีที่ผ่านมาบริษัท LS&Co. มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งมีผลกำไร ตลอดจนการขยายส่วนแบ่งการตลาดที่สำคัญจากทั่วโลก ในปีงบประมาณ 2022 เราบรรลุการเติบโต 7% ในรายได้สุทธิที่รายงานจากปีงบประมาณ 2021 เป็น 6.2 พันล้านดอลลาร์ และประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับ Levi Strauss & Co. (LS&Co.) การเร่งการเติบโตของธุรกิจในภูมิภาคนี้ยังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบริษัท นับตั้งแต่เปลี่ยนรูปแบบธุรกิจที่ดำเนินการบริหารเอง 100% ในเดือนเมษายนปีที่แล้ว เราได้เปิดร้านค้าที่มีหน้าร้านจริงทั้งหมด 130 แห่งทั่วประเทศ จึงมีโอกาสสูงมาก สำหรับเราที่นี่ ในประเทศไทยที่จะเชื่อมโยงถึงผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเป้าหมายของเราที่เป็นเยาวชน เรากำลังให้ความสำคัญกับแนวทาง Direct-to-Consumer (DTC) ผ่านประสบการณ์การค้าปลีกที่เรานำเสนอ และคุณลักษณะของสิ่งนั้นก็คือการออกแบบร้านค้าของเรา คือแนวคิดร้านค้า NextGen Indigo ซึ่งมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบหลายช่องทางแก่ผู้บริโภคซึ่งปรับให้เหมาะ กับความต้องการของพวกเขา ในปีนี้ เราจะยังคงแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืนในด้านผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ของผู้บริโภค ในขณะที่เราเฉลิมฉลองครบรอบ 170 ปีของแบรนด์ Levi’s® และครบรอบ 150 ปีของยีนส์ที่เป็นสัญลักษณ์อย่างรุ่น 501®

นับจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อ เดือน เมษายน ปีที่แล้ว ถึงตอนนี้ ลีวายส์ มี หน้าร้านจริงทั้งหมด 130 แห่งทั่วประเทศ ไม่ว่าจะใน เซนทรัล, โณบินสัน และเดอะ มอลล์ โดยแบ่งเป็น เมนไลน์ สโตร์ 22 แห่ง เอาท์เลท 7 แห่ง และ โฮลเซล สโตร์ อีก 101 บวกกับอีก 4 ช่องทางออนไลน์ คือ Levi.co.th, SHOPEE, LAZADA และ Central Online โดยที่สาขาที่ใหญ่สุด คือ ร้าน Levi’s ที่ชั้น 2 ไอคอน สยาม

สำหรับกลยุทธ์การเข้าถึงผู้บริโภค Direct-to-Consumer (DTC) ที่มาพร้อมกับแนวคิดร้าน NextGen Indigo นั้น สืบเนื่องมาจากผลกระทบของการแพร่ระบาด จึงได้พัฒนาจากพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าต่อไปโดยให้ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่ทำ นี่คือสิ่งที่ทาง ลีวายส์ หมายถึงเมื่อพูดถึงแนวทาง DTC รวมถึงการเชื่อมต่อโดยตรงกับผู้บริโภค ทำให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากแบรนด์ ในขณะที่ตลาดค้าปลีกยังคงปรับเทียบสู่ดุลยภาพใหม่ LS&Co. จะมุ่งเน้นไปที่การมีส่วนร่วมจากทุกช่องทาง โดยใช้ประโยชน์จากโมเดลประสบการณ์ลูกค้าแบบไฮบริด และมีโอกาสสูงสำหรับลีวายส์ที่นี่ในประเทศไทยที่จะเชื่อมโยงและสะท้อนเสียงกับผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเป้าหมายของที่เป็นเยาวชน เรากำลังให้ความสำคัญกับแนวทาง DTC ของเราในประสบการณ์การค้าปลีกที่เรานำเสนอองค์ประกอบสำคัญคือวิธีที่เราออกแบบร้านค้าของเรา เหมือนกับร้านที่เราอยู่ทุกวันนี้ มีแนวคิดร้านค้า NextGen Indigo ซึ่งเป็นการออกแบบที่เปิดกว้างและทันสมัยมากขึ้นโดยตั้งใจให้เหมาะกับความต้องการของผู้ซื้อของเรา คุณสมบัติต่างๆ เช่น ป้ายไฟขนาดใหญ่ อุปกรณ์ติดตั้งแบบโมดูลาร์ และผนังกราฟิกช่วยให้ผู้บริโภคสามารถสำรวจเรื่องราวสไตล์ทั้งหมดที่เรานำเสนอ และค้นพบความพอดีและสไตล์ที่เหมาะสมสำหรับการแสดงตัวตนของพวกเขาเอง การเปิดตัวสาขาล่าสุดของเราที่ห้างสรรพสินค้าและแฟชั่นยอดนิยม Terminal21 Asoke และแหล่งช็อปปิ้งไลฟ์สไตล์อย่าง Central World ใจกลางกรุงเทพฯ ก็ได้รับการออกแบบในทำนองเดียวกันด้วยแนวคิดนี้

ซาเมียร์ กุล กล่าวเสริม “อีกวิธีหนึ่งในการดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายของเราที่เป็นวัยรุ่นก็คือการร่วมมือกับแบรนด์อื่นๆ ที่มีแนวคิดเดียวกัน ก่อนหน้านี้เราได้เปิดตัวความร่วมมือกับแบรนด์อย่าง CLOT และ Ambush ในประเทศไทย และเรายังมีความร่วมมือกับแบรนด์ที่น่าตื่นเต้นอีกมากมายในท่อส่งที่เรารอคอย ที่จะเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เตรียมพร้อมสำหรับการเฉลิมฉลองเหตุการณ์สำคัญในปี 2566 ผลิตภัณฑ์ล่าสุดรวมถึงการจัดแสดงในร้านค้า ปีนี้เราจะยังคงแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืนในด้านผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ของผู้บริโภค พร้อมเฉลิมฉลองการก้าวเข้าสู่ 170 ปีของ Levi’s® และครบรอบ 150 ปีของยีนส์รุ่นอมตะ 501® ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของยีนส์ นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1853 เรื่องราวของลีวายส์® ได้รับการหล่อหลอมด้วยนวัตกรรมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องหลายทศวรรษ การถือกำเนิดของยีนส์สีน้ำเงินซึ่งเป็นดีไซน์ 501® อันเป็นเอกลักษณ์ของเรา เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความยืดหยุ่นที่ยืนยาวและสไตล์ที่เรานำมาสู่โลกใบนี้ ตลอดทั้งปี เราจะเฉลิมฉลองร่วมกับผู้ที่สร้างเสื้อผ้าในแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ และผู้ที่จะผลักดันความสำเร็จในอนาคต รวมไปถึง ผู้บริโภค พนักงาน และชุมชนทั่วโลกอีกด้วย”

https://www.kaosanonline.com/?p=24427

By admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *