เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ณ True Digital Park ‘Future Trends’ จัดแถลงข่าว ‘FUTURE TRENDS AHEAD PRESS & PURPOSE’ รู้เทรนด์อนาคตเพื่อเป็นผู้ชนะของวันพรุ่งนี้ เพื่อเปิดตัวงาน ‘Future Trends Ahead & Awards 2024’ Knowing The Future, Be The Winners of Tomorrow สุดยอดงานสัมมนาและประกาศรางวัลแห่งปี ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ณ Bhiraj Hall Bitec Bangna
Future Trends ผู้ให้บริการข้อมูลข่าวสารด้านเทคโนโลยีการตลาด และนวัตกรรมชั้นนำของประเทศไทย จัดงาน FUTURE TRENDS AHEAD PRESS & PURPOSE สุดยอดงานสัมมนาแห่งปี กับการอัปเดตเทรนด์แห่งอนาคต เพื่อเพิ่มศักยภาพทางความคิด พร้อมเปิดตัว Future Trends Ahead 2024 คัมภีร์เจาะลึกทุกกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ จากกูรูผู้ทรงคุณวุฒิในหลากหลายแวดวง เพื่อช่วยติดปีกทางความคิด ที่บุคคลในทุกวงการห้ามพลาด ทั้งด้านเศรษฐกิจ, การเมือง, เทคโนโลยีและ AI, การเงินและการลงทุน, ความยั่งยืน, ผู้บริโภค, การตลาด, ทักษะอนาคต, ผู้นำ, สุขภาพ และเมืองกับไลฟ์สไตล์
ธนโชติ วิสุทธิสมาน ผู้ก่อตั้ง Future Trends เผย “FUTURE TRENDS ในฐานะที่เราคือสื่อผู้นำเทรนด์ด้านความคิด และทำงานบนหลักการของ Trends for Better Life หรือ เทรนด์เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ติดตามกว่า 400,000 Followers เราตั้งใจที่จะเป็นผู้นำความคิดในหลากหลายด้าน รวมถึงอัปเดตเทรนด์ต่างๆ ที่ผู้อ่านควรรู้ และนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อให้ชีวิตดีขึ้น จึงได้จัดงาน FUTURE TRENDS AHEAD PRESS & PURPOSE ซึ่งนับเป็นงานสัมมนาแห่งปีในครั้งนี้ขึ้นมา เพื่อรวบรวมและถ่ายทอดเทรนด์แห่งอนาคต ให้ผู้เข้าร่วมงานได้นำไปปรับใช้ เพื่อก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้ชนะของวันพรุ่งนี้ในทุกธุรกิจ โดยภายในงานมีการเปิดตัวหนังสือ Future Trends Ahead 2024 คัมภีร์เจาะลึกทุกกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ และอัปเดตเทรนด์ใหม่แห่งอนาคตที่คุณไม่ควรพลาด ทั้งด้านเศรษฐกิจ, การเมือง, เทคโนโลยีและ AI, การเงินและการลงทุน, ความยั่งยืน, ผู้บริโภค, การตลาด, ทักษะอนาคต, ผู้นำ, สุขภาพ และเมืองกับไลฟ์สไตล์โดยได้ ณัฐกร เวียงอินทร์ หัวหน้าแผนกเนื้อหาและแบรนดิ้ง บริษัท ไลค์มี จำกัด เป็นผู้รวบรวมเนื้อหาจากหลากหลายกูรูชั้นนำในหัวข้อที่เป็นเทรนด์โลก อาทิ Become an Aged Society: ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เข้าสู่สังคมสูงวัยเร็วที่สุดในโลก, Russo-Ukrainian War: วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน, Generative AI: สิ่งที่จะเปลี่ยนโฉมหน้างาน Digital Production ทั้งหมด, The Future Job in the Age of AI: เราต้องปรับตัวอย่างไรในยุคที่มนุษย์และเอไอต้องร่วมมือกัน, The Road to EV Car: การก้าวไปสู่อนาคตของยานยนต์ EV ฯลฯ”
ธนโชติ วิสุทธิสมาน ในฐานะประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลค์มี จำกัด (Like Me Co., Ltd.) กล่าวว่า “5 ปีที่แล้ว เราได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งสำคัญว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ และจะทำให้ชีวิตของทุกคน เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล การเปลี่ยนแปลงนี้ครั้งนี้บางคนอาจมีมุมที่ดีขึ้นและแย่ลง เช่น อาชีพที่ทำมาตลอด ตื่นขึ้นมาเราอาจจะไม่สามารถทำอาชีพนั้นได้อีกต่อไป ธุรกิจที่เรารับช่วงต่อจากที่บ้านที่เป็นธุรกิจที่มีมานานกว่า 30 – 50 ปี อาจจะถึงจุดแยกครั้งสำคัญที่เราต้องตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ แม้กระทั่งธุรกิจที่เราสร้างขึ้นมาเอง เมื่อ 3 – 5 ปีก่อนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ถึงวันนี้อาจจะถึงจุดที่เราต้องตัดสินใจครั้งสำคัญเช่นเดียวกัน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รุนแรง และน่ากลัว ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี
“Future Trends ได้เปิดตัวขึ้นมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งมีเป้าหมายว่า เราต้องการจะเป็นสื่อที่ช่วยทำให้ชีวิตของทุกคนดีขึ้น และง่ายขึ้น โดยการอัปเดตคอนเทนต์เรื่องเทรนด์ต่างๆ ที่ทุกคนต้องรู้ เพื่อให้เห็นปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า รวมถึงเห็นถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้เราคว้าโอกาสนั้นไว้ได้ทัน
“ภายใต้คอนเซปต์ ‘Trends for Better’ ที่เราทำตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เราอัปเดตเทรนด์การพัฒนาทักษะในการชีวิต เทรนด์การพัฒนาทักษะในการทำงานหรืออาชีพใหม่ที่เป็นที่ต้องการในอนาคตอันใกล้ที่จะสร้างรายได้ให้กับเราอย่าง มหาศาล เทรนด์ของธุรกิจที่กำลังมาหรือกำลังจะไป เพื่อที่ให้เราปรับแผนรับมือหรือคว้าโอกาสได้ทัน ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เราพยายามทำคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ เพื่อที่จะอัปเดตเทรนด์ให้กับคนไทยทุกคน จนถึงวันนี้ ใน 1 ปี คอนเทนต์ของเรา เข้าถึงคนไปมากถึง 70 ล้านครั้งต่อปี และหวังว่าจะเป็น 70 ล้านครั้งที่ทำให้ชีวิตทุกคนดีขึ้น
“จากการที่เราได้มีโอกาสทำคอนเทนต์ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นถึงธุรกิจและบุคคลที่ทำดีเป็น Trends Setter เป็นคนสร้างกระแสเชิงบวกที่ทำให้คนมีชีวิตที่ดีขึ้นและมีชีวิตที่ง่ายขึ้น เราจึงอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ให้กำลังใจกับธุรกิจเหล่านั้น ในปี 2022 ที่ผ่านมา จึงได้จัดงาน ‘Future Trends Awards’ เพื่อให้รางัล เป็นกำลังใจให้กับธุรกิจเหล่านั้น ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีอย่างมาก
“ในปี 2024 จะเป็นอีกครั้ง ที่เราสานต่อสิ่งที่เราทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์อัปเดตเทรนด์ต่างๆ และงานประกาศรางวัลที่ให้กำลังใจกับ ธุรกิจและบุคคลที่ทำได้ดี เราได้นำสองสิ่งที่เราทำได้ดีมารวมกันและจัดขึ้นเป็นงานครั้งใหม่ คืองาน ‘Future Trends Ahead & Awards 2024’
“งาน ‘Future Trends Ahead & Awards 2024’ ประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกคือ ‘Future Trends Ahead 2024’ ซึ่งเป็นครั้งแรกของเราที่ได้จัดทำหนังสืออัปเดตเทรนด์ 11 หมวดหมู่สำคัญ ร่วมมือกับ 14 องค์กรชั้นนำระดับประเทศและระดับโลก องค์กรชั้นนำระดับประเทศและระดับโลก, KBTG, innovest x, SDG MOVE, THINK NEXT ASIA, TRENDS-WATCHING, Mandala AI, การตลาดวันละตอน, Future Skill, KINCENTRIC, เครือโรงพยาบาลพญาไทและเปาโล, Future Tales LAB by MQDC, aomMONEYและ Future Trends โดยทีมงานและพันธมิตรได้ตั้งใจทำหนังสือเล่มนี้ มีเป้าหมายเพื่อให้เป็นหนังสือที่ดีที่สุดประจำปีที่ทุกคนจะต้องใช้ในการอัปเดตเทรนด์ ก้าวข้ามผ่านการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เข้าใจอนาคตก่อนใคร เพื่อวางแผนป้องกันและคว้าโอกาสไว้ ให้อนาคตง่ายขึ้น
“ส่วนที่สองคือ ‘Future Trends Awards 2024’ ซึ่งเป็นการจัดงานมอบรางวัลครั้งที่สอง เพื่อประกาศรางวัลสุดยอดผู้นำแห่งโลกธุรกิจและบุคคลที่เป็น Trends Setter ที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีนวัตกรรมทางความคิด สร้างกระแสทางสังคมที่สำคัญ และเป็นประโยชน์ต่อผู้คนจำนวนมาก ภายใต้ 12 หมวดหมู่ คือ Most Attractive Employer, The Most Impactful Corporate, Leading of ESG, Corporate Transformation, The Most Innovative, Corporate for The Future, Leader of Technology, Leader of Social, Leader of Over 60, Leader of Leader, Leader of Business และ Leader of Influencer รวมทั้งหมดมากกว่า 100 รางวัล
“ทั้งหมดนี้ รวมกันเป็นงาน ‘Future Trends Ahead & Awards 2024’ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ณ Bhiraj Hall Bitec Bangna ได้รับการสนับสนุนโดย Supalai และ เงินติดล้อ”
นอกจากนี้ ไฮไลท์ภายในงานยังพบกับเวทีเสวนา Future Trends Forum งานเสวนาเทรนด์แห่งอนาคตจากหลากหลายตัวจริงในวงการ ที่ได้มาอัปเดตเทรนด์อนาคตอย่างเข้มข้น โดยตัวอย่างเนื้อหาในประเด็นต่างๆ ที่พูดคุยกันถึงเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในปี 2024 โดยผู้เชี่ยวชาญที่เต็มไปด้วยองค์ความรู้ ได้แก่ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย, หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ,ศ.ดร.กิตติ ประเสริฐสุข, ศาสตราจารย์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ดร.โกเมษ จันทวิมล Principle Data Scientist บ.กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป, สุทธิชัย คุ้มวรชัย, ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย InnovestX Securities Company Limited
ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย InnovestX Securities Company Limited ซึ่งเหล่ากูรูได้แชร์ความเห็นประเด็น ‘อนาคตของเศรษฐกิจโลกและไทย’ ตรงกันโดยสรุปว่า ในโลกเราตอนนี้เต็มไปด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจ เศรษฐกิจระดับโลกเช่น สหรัฐอเมริกามีการเติบโตอย่างมาก แต่ในปีหน้าอาจจะมีการเติบโตที่ลดน้อยลง แต่ยังคงไว้ด้วยความแข็งแกร่งอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจะค่อนข้างสูง เราอาจจะได้เห็นเงินเฟ้อลดลง และธนาคารอาจจะลดอัตราดอกเบี้ยลงได้
หลายประเทศมีการเลือกตั้งในปีหน้า การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจมีแน่นอน และมาพร้อมกับความตึงเครียดที่สะสมมาตั้งแต่ปีนี้ ในเมืองไทยการฟื้นตัวของเราค่อนข้างช้า เราหวังว่าการท่องเที่ยวจะสามารถส่งการฟื้นตัวของไทยได้ดีขึ้น รวมทั้งการส่งออกที่ติดลบมาตลอดหวังว่าในปีหน้าจะดีขึ้น ที่สำคัญคือนโยบายการคลังอัตราดอกเบี้ยและนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยแน่นอน
การรับมือทางเศรษฐกิจสำคัญที่สุดคือการเตรียมรับมือกับความเสี่ยง บริหารความเสี่ยงให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการ หากลดต้นทุนได้โดยไม่ส่งผลต่อคุณภาพก็ควรที่จะทำ
ส่วนความเห็นในด้าน ‘อนาคตของปัญญาประดิษฐ์’
เอไอมาแรงมากในปี 2023 มีแนวโน้วอย่างมากที่จะบูมขึ้นไปอีกในปี 2024 “AI Everything Everywhere All At Once”
การเรียนรู้ของปัญญาประดิษฐ์ที่ดำเนินการมาตลอดทั้งปี 2023 จะทำให้ความฉลาดของมันพัฒนาความสามารถุเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ได้มากยิ่งขึ้น พวกเราทุกคนควรจะทำความรู้จักปัญญาประดิษฐ์ ให้มันอยู่ในฐานะของการเป็นพาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้ชีวิตเราดียิ่งขึ้น ซึ่งการรับมือคือต้องเรียนรู้ตัวตนของมัน ไม่ว่าจะเป็นบริบทขององค์กร หรือ ส่วนตัว ต้องทำการเรียนรู้แนวคิดปรับตัวให้อยู่ร่วมกับการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ให้ได้
ด้าน ‘อนาคตของการลงทุน’
ปี 2023 เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาดีมากๆ โดยเฉพาะการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ แต่ในแง่ของการลงทุนปี 2024 อาจจะไม่ได้สดใสมากนัก เพราะดอกเบี้ยสูงกำลังซื้อลดน้อยลง การตลาดแรงงานค่อนข้างเบาลง ปีหน้าทั้งปีจะมีการผันผวนของตลาดมากๆ โดยเป็นผลมาจากการเมืองที่ร้อนระอุ และการเงินของฝั่งประเทศต่างๆ ที่นโยบายไม่สอดคล้องกับเศรษฐกิจ ประเทศมหาอำนาจต่างๆ เริ่มมีการชะลอตัวทางด้านการเงินและเศรษฐกิจ
ในไตรมาสที่สองสืบเนื่องจากการลดดอกเบี้ยอาจจะส่งผลต่อประเทศไทยมากๆ ซึ่งต้องจับตาดูนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทยพอสมควร ในไตรมาสที่สามเทรนด์ของการลงทุนจะเบาบางลง และในไตรมาสที่สี่จะผันผวนอย่างมากจากการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกา
การรับมือคือต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก ตัวหุ้นจะถูกยึดโยงกับภาพรวมเศรษฐกิจ เราจะต้องมองภาพรวมและหาตลาดเศรษฐกิจที่เติบโตได้ดีที่สุด
สำหรับผู้เชี่ยวชาญที่ทรงคุณวุฒิในด้านเทรนด์การตลาดนั้น มีหัวข้อ “การตลาด ผู้บริโภค ความยั่งยืนและเสียงจากโลกออนไลน์ จะช่วยให้โลกปี 2024 ดีขึ้นได้อย่างไร” จะบอกเล่าการเปลี่ยนแปลงของการตลาดและผู้บริโภค จากการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อสร้างความยั่งยืน โดยผู้เชี่ยวชาญแต่ละท่านได้ให้ข้อคิดไว้น่าสนใจ
ดร.ณัฐวิคม พันธุวงศ์ภักดี (รองผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDG Move) อธิบายว่า เสียงของแรงงานเป็นเสียงที่เราไม่ค่อยได้ยิน เพราะฉะนั้น เราจำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือพวกเขา ให้สามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงได้ อีกสิ่งคือหากเราไม่ตามเทรนด์ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคืออาจทำให้นักลงทุนมองหาประเทศอื่นมากกว่าไทย
ในเรื่องของ ‘ความยั่งยืน’ รัชดา อภิรมย์เดช (ผู้ก่อตั้งบริษัทและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิมเปิ้ล เวิร์ค จำกัด) บอกว่าแบรนด์ที่ใส่ใจเรื่องความยั่งยืนจะสามารถครองได้ใจทั้งลูกค้า และสามารถสร้างผลกำไรที่มากกว่าเดิม เพราะในปัจจุบัน ผู้คนหันมาสนใจแบรนด์ที่ใส่ใจความยั่งยืนมากขึ้น ดังนั้นองค์กรที่เห็นควาสำคัญในเรื่องนี้หากสามารถปรับตัวได้ก็จะทำให้ก้าวไปได้ไกลกว่าเดิม แต่ต้องระวังในเรื่องของ Green Washing ด้วยเช่นกัน เพราะผู้บริโภคสามารถตรวจสอบได้
ดร.เอกลักษณ์ ยิ้มวิไล (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอเชี่ยน สกาย เน็ตเวิร์ค จำกัด) ได้แนะนำว่าการที่แบรนด์ฟังเสียงผู้บริโภคบนโลกออนไลน์ จะช่วยให้โลกดีขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับข้อมูลข่าวสารที่เราได้รับว่าเป็นเรื่องที่อัปเดต หรือเป็นเรื่องจริงหรือไม่ การที่โลกจะดีได้ ขึ้นอยู่กับ หนึ่งคือตัวของเราเองที่เลือกเสพสื่อสองคือเทคโนโลยี
คุณณัฐพล ม่วงทำ (เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน) ว่าแม้จะมี AI มาช่วยในการทำงาน แต่ยังเชื่อว่าการศึกษา DATA ยังสำคัญเช่นกัน เพราะ AI เปรียบเสมือนเด็ก ที่ยังต้องการข้อมูลเป็นอาหารเพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เพราะฉะนั้น ข้อมูลที่ใส่ลงไปใน AI จึงสำคัญ เพราะ AI จะประมวลผลออกมาแบบใด ก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลป้อน เราจึงจำเป็นต้องเข้าใจ DATA รวมไปถึง AI ที่เราใช้อย่างถ่องแท้ ก่อนที่จะเลือกเชื่อในข้อมูลนั้นๆ
และสำหรับเรื่อง “ทักษะใหม่ ภาวะผู้นำ สุขภาพ และไลฟ์สไตล์ จะพาชีวิตและการงานไปสู่สมดุลอย่างไรใน 2024” ได้ โอชวิน จิรโสตติกลุ CEO & Founder of FutureSkill, ชัชพล ยังวิริยะกุล Director of Kincentric และ ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่อนาคตศาสตร์และสินทรัพย์ดิจิทัล FutureTales LAB by MQDC ให้ความเห็น โดย ดร.การดีได้แนะว่า “คำว่าการทำงานยุคใหม่ทำงานแบบไฮบริด อาจมองด้วยตัวเลขบางจุดเช่นเรื่องการเข้าทำงานกี่วัน ทำนองนี้ ไม่ได้จริงๆ เพราะที่สำคัญมันคือสิ่งที่อยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็ง คือเรื่องการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราจะสร้างองค์กรอย่างไรให้อยู่ร่วมกันได้ พอเราทำงานออนไลน์กันนานๆ ก็ควรต้องมีกิจกรรมที่มาทำร่วมกันเสริมเติมเข้ามาไม่ว่าจะรูปแบบงานหรือกิจกรรมสันทนาการ เวลาทำงานในองค์กรไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ การที่เรามีปฏิสัมพันธ์กันนอกเหนือจากสโคปงาน ทำให้เราทำงานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เมื่อเป็นเพื่อนก็จะง่ายกว่า อยากฝากองค์กรไว้ว่า ไฮบริดหรือไม่ไฮบริด ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า เราจะสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้มีความจัดการตัวเองได้อย่างไรค่ะ”
นอกจากนี้ทาง Future Trends ยังได้มีการจัดงานมอบรางวัลสุดยอดผู้นำเทรนด์แห่งปี ที่จะมอบให้กับตัวแทนแบรนด์ และบุคคลแห่งอนาคต ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่มีความโดดเด่นซึ่งก่อให้เกิดคุณค่าต่อสังคมเป็นวงกว้างจำนวน 12 หมู่รางวัล มากกว่า 100 รางวัล ทั้งหมดนี้ รวมกันเป็นงาน ‘Future Trends Ahead & Awards 2024’ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ณ Bhiraj Hall Bitec Bangna โดยได้รับการสนับสนุนโดย Supalai และ heygoody โดย เงินติดล้อ”