สํานักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเสีบ จัดงาน “นโยบายรัฐบาล กับอุตสาหกรรมไมซ์ไทย” เปิดโอกาสให้ภาครัฐและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไมซ์กว่า 150 คน ได้มีโอกาสมาพบปะกัน และรับทราบถึงนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทยให้ก้าวไปในทิศทางเดียวกัน โดยได้รับเกียรติจากนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง “นโยบายรัฐบาลกับอุตสาหกรรม ไมซ์ไทย” และนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี กรรมการ และเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ แห่งชาติ นําเสนอวิสัยทัศน์ เรื่องบทบาทการทํางานร่วมกับ THACCA โดยมี นายพสุ โลหารชุน ประธานกรรมการ ส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ทีเส็บ และนายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อํานวยการ ทีเส็บ ให้การ ต้อนรับ ณ ห้องแลนด์มาร์ค บอลรูม โรงแรมแลนด์มาร์ค สุขุมวิท กรุงเทพฯ
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ต้องเรียนว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมไมซ์ เรามีความมั่นใตว่า อุตสาหกรรมนี้จะสามารถสร้างรายได้หลักของประเทศให้เกิดขึ้นมา เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ รัฐบาลมีความพยายามและได้ใช้กลไกต่างๆ อาทิเช่นเมื่อเดือนที่ผ่านมานี้ ได้มีนักธุรกิจที่เป็นนักธุรกิจผู้นำในโลกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมไมซ์ได้เดินทางมาพบท่านนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล แล้วก็มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข้อคิดเห็นต่างๆ และหลายท่านเห็นว่าประเทศไทยมีจุดแข็งในการที่จะส่งเสริมให้อุตสาหกรรมไมซ์เกิดขึ้นได้ในประเทศ ผมเรียนว่านอกจากนั้นแล้ว อีกจุดเด่นของประเทศไทยในเรื่องนี้คคือประเทศไทย มีอะไรมากมายหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของคน เรื่องของภาพรวมเมื่อเทียบกับประเศในระดับเดียวกัน ประเทศไทยมีต้นทุนที่น่าจัดกว่า มีสภาพแวดล้อม มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม และมีเรื่องอื่นๆที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทย เพราะฉะนั้นแล้ว อุตสาหกรรมไมซ์ ที่เป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญในอนาคตของประเทศไทย และสร้างรายได้ให้กับประเทศ”
ผลการดาเนินงานของอุตสาหกรรมไมซ์ บีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566 – กันยายน 2567) พบว่ามีนักเดินทางไมซ์นานาชาติเข้าสู่ประเทศไทยเป็นจํานวนที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565 – กันยายน 2566) อันเป็นผลมาจากปัจจัยสนับสนุนสําคัญ ได้แก่ การเพิ่มขึ้น ของเที่ยวบิน แนวโน้มการฟื้นตัวของการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก และการดําเนินมาตรการ ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ มาตรการยกเว้นวีซ่าให้แก่กลุ่ม นักท่องเที่ยวในหลายประเทศ โดยเฉพาะวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนแบบถาวร ตั้งแต่ วันที่ 1 มีนาคม 2567 รวมทั้งมาตรการ Visa on Arrival ที่ให้สิทธิกับนักท่องเที่ยวหลาย ประเทศมากขึ้น อาทิ อินเดีย และใต้หวัน รวมถึงแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของ นักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวระยะเร่งด่วน (Quick Win) รวมทั้งมาตรการทางภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาล และ ส่งผลให้มีจํานวนนักเดินทางไมซ์ทั้งสิ้น 25,350,288 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.47 จากป 2566 โดยเป็น นักเดินทางไมซ์ภายในประเทศ 24,189,719 คน และนักเดินทางไมซ์ชนานาชาติ 1,160,569 คน สร้างรายได้ให้แก่ประเทศรวมมูลค่า 148,341 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.27 ของรายใดในป 2566 โดยแบ่งเป็นรายได้จากนักเดินทางไมซ์ในประเทศ 78,747 ล้านบาท และรายได้จากนักเดินทางไมซ์นานาชาติ 69,594 ล้านบาท