SAP SE ได้ประกาศถึงการเลือกใช้โซลูชัน RISE with SAP ของเอ็กโซติค ฟู้ด ประเทศไทย (Exotic Food) ซึ่งเป็นผู้นำด้านการส่งออกอาหารไทยที่ได้มีการขยายการเติบโตทางธุรกิจไปทั่วโลก รวมถึงได้เลือกใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมอย่าง RISE with SAP ในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจอย่างครอบคลุม ซึ่งรวมถึงระบบ Cloud ERP ที่ขับเคลื่อนด้วย AI-powered โครงสร้างพื้นฐาน และบริการด้วย
บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2542 และได้ดำเนินกิจการใน 80 กว่าประเทศทั่วโลก เนื่องด้วยปัจจุบันบริษัทมีสินค้าให้เลือกมากกว่า 800 รายการ (SKU) จึงทำให้บริษัทกลายเป็นที่รู้จักทั่วโลกในฐานะผู้ผลิตเครื่องปรุงรสไทย ยอดขายทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้นสะท้อนถึงการเติบโต 73% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ โดยบริษัทได้มีการใช้ RISE with SAP ในการดำเนินงาน ทำให้สามารถจัดการกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจ และปริมาณธุรกรรมขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
เนื่องจากผู้คนอยู่บ้านและมีการทำอาหารกันมากขึ้นในช่วงการระบาดของ โควิด-19 คำสั่งซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้นทำให้ระบบ ERP ภายในองค์กรที่ใช้อยู่ของ เอ็กโซติค ฟู้ด ทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้ไม่สามารถปรับขนาดได้ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ บริษัทจึงได้เปลี่ยนมาใช้ RISE with SAP ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 และโฮสต์บน Amazon Web Services (AWS) ได้สำเร็จ โดยย้ายระบบ ERP ไปยังคลาวด์ นอกจากนี้ SAP S/4HANA Cloud ทำให้โซลูชัน RISE with SAP ช่วยให้ เอ็กโซติค ฟู้ด สามารถบูรณาการฟังก์ชันทางธุรกิจ ปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงาน และปรับปรุงด้านการตัดสินใจทางธุรกิจแบบเรียลไทม์ได้ การเปลี่ยนไปใช้โฮสติ้งบนคลาวด์ของ AWS ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเสถียรอีกด้วย
“การตัดสินใจใช้ RISE with SAP บน AWS ได้เปลี่ยนโฉมหน้าการดำเนินธุรกิจของเราอย่างแท้จริง ทำให้เราสามารถมุ่งเน้นไปที่การเติบโตและนวัตกรรมในตลาดโลกได้” คุณวาสนา จันทรัช ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) กล่าว “SAP S/4HANA Cloud จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กโหลดในการดำเนินงานของเรา ในขณะเดียวกันก็จะช่วยรักษาศักยภาพของพนักงานของเรา ระบบ SAP S/4HANA Cloud ยังมีส่วนช่วยปรับปรุงกระบวนการด้านการเงินในแผนกต่างๆ ทำให้เรามองเห็นภาพรวมได้ดีขึ้น และช่วยให้เราสามารถทำงานแบบอัตโนมัติได้ ตั้งแต่การคำนวณคำสั่งซื้อ การจัดการสินค้าคงคลัง ไปจนถึงการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อ นอกจากนี้ ระบบ ERP บนคลาวด์ยังช่วยเราจัดการกำหนดค่าผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายได้แบบเรียลไทม์ ทำให้เราสามารถเข้าถึงผู้ที่มีความชื่นชอบอาหารทั่วโลกได้มากขึ้นในเวลาเพียงสั้นๆ” คุณวาสนา กล่าวเสริม
นอกจากนี้ การใช้ SAP S/4HANA Cloud มีส่วนช่วยให้ เอ็กโซติค ฟู้ด ลดภาระในการงาน และช่วยให้สามารถปิดบัญชีสิ้นเดือนได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ด้วยการปรับปรุงกระบวนการด้านการเงิน โดยก่อนหน้านี้ กระบวนการนี้ค่อนข้างใช้เวลานาน เนื่องจากต้องตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลต้นฉบับซ้ำๆ หลายครั้ง การบันทึกและการตรวจสอบข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่ด้วยหารใช้ระบบ SAP S/4HANA Cloud จึงทำให้สามารถการจัดทำรายงานทางการเงินได้ในเวลาที่สั้นลง และมีข้อผิดพลาดน้อยลง ทำให้กระบวนการการทำงานโดยรมมีความรวดเร็วขึ้นมาก ซึ่งระยะเวลาที่ต้องใช้ในการปิดบัญชีรายเดือนลดลงจาก 18 วันเหลือเพียง 8 วันเท่านั้น
การตรวจสอบข้อมูล การวางแผนการผลิต และระบบอัตโนมัติ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอาหาร ก่อนหน้านี้ ข้อมูลทางธุรกรรมและการบันทึกข้อมูลจะถูกบันทึกบนกระดาษ ทำให้การค้นหาข้อมูลเพื่อนำมาตรวจสอบด้านการเงินเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ เมื่อข้อมูลที่สำคัญต่อธุรกิจเหล่านี้ได้รับการเปลี่ยนแปลงไปอยู่ในระบบดิจิทัลและย้ายไปยัง SAP S/4HANA Cloud แล้ว เอ็กโซติค ฟู้ด จึงมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้น งานตรวจสอบย้อนหลังต่างๆ ที่เคยใช้เวลา 4 ชั่วโมง ปัจจุบันใช้เวลาเพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น ซึ่งลดลงถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ เอ็กโซติค ฟู้ด สามารถมีบันทึกธุรกรรมทางธุรกิจที่โปร่งใสและพร้อมสำหรับการตรวจสอบ และทำให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นการทำงานไปที่งานเชิงกลยุทธ์ได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพนวัตกรรมและผลผลิตได้เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ระบบอัตโนมัติยังช่วยให้องค์กรลดขั้นตอนการทำงานด้วยการใช้มือของพนักงานหลายขั้นตอน อาทิ ทำให้เวลาที่ใช้ในการตรวจนับสต๊อกลดลงจาก 2 วันเหลือเพียงครึ่งวันโดยเฉลี่ย หรือลดลงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ และช่วยให้พนักงานมีเวลาไปทำภารกิจอื่นๆ ที่สำคัญต่อธุรกิจได้
คุณกุลวิภา ปิยวัฒนเมธา กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอินโดจีน บริษัท SAP กล่าวว่า “ความสำเร็จของ เอ็กโซติค ฟู้ด ประเทศไทย ในการเปลี่ยนธุรกิจไปสู่ระบบคลาวด์ด้วย RISE with SAP ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถและประสิทธิภาพที่โซลูชัน SAP มอบให้ ด้วยการจัดการข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น รวมทั้งการมีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือและมีความโปร่งใส เอ็กโซติค ฟู้ด จึงสามารถปรับปรุงการดำเนินงานได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้การตัดสินใจทางธุรกิจของฝ่ายบริหารสะดวกยิ่งขึ้น และทำให้ทีมงานสามารถมุ่งเน้นไปที่ผลผลิตได้มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยระบบ SAP S/4HANA Cloud เอ็กโซติค ฟู้ด สามารถเพิ่มโซลูชันใหม่ๆ เข้าไปได้อย่างยืดหยุ่น และสามารถเร่งนวัตกรรมผ่านความสามารถที่ขับเคลื่อนแบบ AI-powered บนคลาวด์ที่ SAP และระบบนิเวศของพันธมิตรของเรามอบให้”
การมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนพร้อมขอบเขต ERP ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน พันธมิตรที่มีประสบการณ์ในการนำ SAP มาปรับใช้ และการสนับสนุนหลังการใช้งานที่แข็งแกร่ง ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของ เอ็กโซติค ฟู้ด
“การย้ายระบบ ERP ไปยังคลาวด์เป็นกระบวนการที่ใช้ระยะเวลานาน และการทำให้โครงการ go-live เป็นหนึ่งในก้าวสำคัญ ในฐานะพันธมิตรผู้ดำเนินการในการนำ RISE with SAP มาใช้ให้กับ เอ็กโซติค ฟู้ด ประเทศไทย เรามีความภูมิใจที่ได้นำความเชี่ยวชาญของเราในอุตสาหกรรมการผลิตและอาหารมาช่วยสนับสนุนและทำงานร่วมกับ SAP และลูกค้าของเรา เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้ เอ็กโซติค ฟู้ด ขับเคลื่อนการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจของพวกเขาในประเทศไทยและทั่วโลกให้ประสบความสำเร็จ” คุณวิศิษฐ์ วิระยากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นทีที เดต้า บิสซิเนส โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
สามารถอ่านข้อมูลได้ที่ SAP News Center หรือติดตาม @SAPNews