ดีลอยท์ได้ทำการสำรวจผู้บริโภคจำนวนกว่า 26,000 คนจาก 24 ประเทศทั่วโลก ในระหว่างเดือนกันยายน ถึงตุลาคม 2565 เพื่อสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อภาคยานยนต์ รวมถึงความสนใจของผู้บริโภคในการยอมรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) การรับรู้แบรนด์ และเทคโนโลยีขั้นสูง เป้าหมายโดยรวมของการศึกษาประจำปีนี้คือการตอบคำถามสำคัญที่สามารถช่วยบริษัทจัดลำดับความสำคัญและวางตำแหน่งกลยุทธ์ทางธุรกิจและการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งครอบคลุมผู้บริโภคในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้จำนวนกว่า 6,000 คน ครอบคลุมประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และสิงคโปร์ โดยมีกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคคนไทยประมาณ 1,000 คน

Deloitte Global Automotive Consumer Study ได้ออกรายงานผลการสำรวจระดับโลกมาตั้งแต่ปี 2553 และ เริ่มออกรายงานของผู้บริโภคในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 

จากรายงาน Global Automotive Consumer Study 2023 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่าพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในยังคงเป็นทางเลือกหลักของภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้  ร้อยละ 31 ของคนไทยที่ร่วมตอบแบบสอบถาม คิดว่าจะเลือกรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle – BEV) เป็นพาหนะคันต่อไป นับเป็นสัดส่วนสูงที่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ดีอัตราการเติบโตของความต้องการ BEV สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดทั้งภูมิภาคเมื่อเทียบกับผลการสำรวจในปีก่อนหน้า เหตุผลสำคัญที่สุดของคนไทยและภูมิภาคคือต้องการลดรายจ่ายด้านราคาเชื้อเพลิง  สำหรับคนไทยให้เหตุผลรองลงมาในการตัดสินใจเลือก BEV เพราะต้องการประสบการณ์ในการขับขี่ที่ดีกว่า และการมีรถที่สามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานสำรองยามฉุกเฉินได้

สำหรับผู้ที่เลือกจะใช้ BEV เป็นคันต่อไป ความกังวลเกี่ยวกับสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะเป็นอันดับสูงสุดของคนไทยและภูมิภาคที่ร้อยละ 48 และ ร้อยละ 54 ตามลำดับ รองลงมาคือเวลาในการชาร์จ และราคาของรถ BEV ที่จะแพงกว่ารถในระดับเดียวกัน ทั่วทั้งภูมิภาคระบุตรงกันว่าต้องการชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้านมากที่สุด แต่ถ้าเป็นพื้นที่สาธารณะ คนไทยถึงร้อยละ 51 ต้องการสถานีชาร์จไฟฟ้าที่สร้างเฉพาะสำหรับรถ EV รองลงมาคือการปรับปรุงสถานบริการน้ำมันเดิมให้สามารถรองรับการชาร์จรถไฟฟ้าได้ ที่ร้อยละ 26

โดยคนไทยรับได้กับการรอชาร์จไฟรถระหว่าง 10-60 นาทีถึงร้อยละ 64 และ ผู้เข้ารวมการตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 41 คาดหวังระยะวิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ในระยะทาง 300-500 กิโลเมตรต่อการชาร์จ  โดยแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนเป็นช่องทางหลักที่คนไทยต้องการใช้ในการชำระค่าชาร์จไฟฟ้าสูงที่สุดในภูมิภาคถึงร้อยละ 67 เทียบกับภูมิภาคที่ร้อยละ 51

คนไทยสูงถึงร้อยละ 91 ระบุว่าต้องการรถมือหนึ่งเป็นรถคันต่อไป โดยจะตัดสินใจเลือกซื้อรถคันต่อไปจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ร้อยละ 64 คุณสมบัติของรถ (Features) ร้อยละ 49 และภาพลักษณ์ของแบรนด์ ร้อยละ 37

ดีลเลอร์ยังคงเป็นทางเลือกที่กลุ่มตัวอย่างลูกค้าคนไทยให้ความไว้วางใจมากที่สุด โดยเฉพาะกับรถมือหนึ่ง ผู้ตอบแบบสอบถามถึงร้อยละ 85 บอกว่าจะเลือกใช้บริการบำรุงรักษารถจากศูนย์บริการมาตรฐาน สำหรับรถมือสอง ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 45 เลือกใช้บริการศูนย์บริการหลังการขาย ซึ่งตอบโจทย์ด้านราคา และความสะดวกสบาย

กลุ่มตัวอย่างลูกค้าคนไทยเปิดใจที่จะอนุญาตให้รถเชื่อมต่อเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลมากที่สุดในภูมิภาค เกือบครึ่งระบุว่าไม่กังวลกับการให้ข้อมูลของรถ โดยคาดหวังประโยชน์ด้านการบำรุงรักษา ร้อยละ 85 การประเมินราคาซ่อมบำรุงจากนิสัยการขับขี่ร้อยละ 84 และ การแนะนำเส้นทางขับที่ปลอดภัย ร้อยละ 86  และคำแนะนำเฉพาะสำหรับแนวทางลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ร้อยละ 86 โดยข้อมูลที่คนไทยยอมรับได้ในการให้รถแลกเปลี่ยนกับการเชื่อมต่อ ได้แก่ ข้อมูลไบโอเมตริกซ์ และ  เซ็นเซอร์ต่าง ๆ ของตัวรถ หากต้องมีการจ่ายค่าบริการเสริมอื่น ๆ เพื่อการเชื่อมต่อ คนไทยและภูมิภาคเลือกที่จะจ่ายตามจริงถึงร้อยละ 49 และ ร้อยละ 44 ตามลำดับ การเลือกจ่ายครั้งเดียวรวมกับราคารถ หรือ จ่ายรายเดือนเป็นตัวเลือกในลำดับถัดมา

คุณมงคล สมผล Automotive Sector Leader ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ในครั้งนี้เป็นที่น่าจับตามองมาก เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทยที่มีห่วงโซ่อุปทานแยกย่อยออกไปในหลาย ๆ มิติ  มีผู้ประกอบการต่างชาติเข้ามาลงทุนเป็นอย่างมาก ความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคจะเป็นโจทย์สำคัญที่ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัว”

ดร. โชดก ปัญญาวรานันท์ Clients & Markets Manager ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “รายงานฉบับนี้สะท้อนให้เห็นโอกาสทางธุรกิจ และ ผู้เล่นรายใหม่ที่จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังจะเปลี่ยนไป”

“อย่างไรก็ดี ทุกอย่างอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งปัจจัยด้านราคาพลังงาน เทคโนโลยี และความต่อเนื่องของการสนับสนุนจากรัฐ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าจับตามองและติดตามความเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิดต่อไป” คุณมงคล สมผล กล่าวทิ้งท้าย 

https://www.kaosanonline.com/?p=31668

By admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *