การทำงานแบบไฮบริดไม่ใช่แค่เทรนด์อีกต่อไปหลังยุคโควิด จัสโคเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทย สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ล่าสุด เตรียมเปิดตัวพื้นที่ทำงานแบบยืดหยุ่นและโคเวิร์คกิ้งสเปซที่สีสมเอจในเดือนกันยายนนี้

          จัสโค ผู้ให้บริการพื้นที่ทำงานแบบยืดหยุ่นระดับพรีเมียมในเอเชียแปซิฟิก เดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่องพร้อมตอบรับความต้องการขององค์กรธุรกิจต่าง ๆ ที่กำลังมองหาพื้นที่การทำงานที่ยืดหยุ่น ขยายสู่สาขาที่ห้า ณ อาคารสีลมเอจแห่งใหม่ พร้อมเปิดโคเวิร์คกิ้งสเปซอีกหลายแห่งในสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และในอีกหลายเมืองหลักในเอเชียแปซิฟิก

          จัสโค สีลมเอจ ตั้งอยู่ใจกลางย่านเศรษฐกิจบนหัวมุมถนนสีลม-พระราม 4 สะดวกสบายด้วยทางเชื่อมไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน (MRT) และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ร้านค้า และร้านอาหารที่เตรียมเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ชูจุดเด่นด้วยพื้นที่ทำงานที่มองเห็นทัศนียภาพของสวนลุมพินี โอเอซิสสีเขียวใจกลางเมือง

          นอกจากนี้ จัสโค สาขาสีลมเอจยังมอบพื้นที่ทำงานที่มีทั้งออฟฟิศส่วนตัว และห้องสวีทขนาดใหญ่สำหรับองค์กร ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการใช้งานพื้นที่แบบผสมผสานหรือไฮบริด รวมไปถึงการแบ่งทีมทำงาน และนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจในปัจจุบัน บนพื้นที่ 4 ชั้นจากจำนวนทั้งหมด 12 ชั้นของอาคาร ด้วยความยืดหยุ่นอย่างสุดสูง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ทั้งแก่ผู้เช่าพื้นที่ในอาคารเอง และผู้ที่จะมาเป็นสมาชิกของจัสโค ซึ่งสามารถรองรับได้กว่า 900 ที่นั่ง

จัสโค สีลมเอจ โคเวิร์คกิ้งสเปซที่มาพร้อมประสบการณ์ด้านดิจิทัล ชูจูดขายด้วยสตูดิโอสำหรับไลฟ์สตรีมมิ่งและพอดคาสต์

          จัสโค สีลมเอจ ถือเป็นโคเวิร์คกิ้งสเปซแห่งใหม่ล่าสุดของจัสโคที่มาพร้อมประสบการณ์ด้านดิจิทัล เช่น การเปิดประตูออฟฟิศด้วยระบบ wireless การจองพื้นที่ทำงาน ห้องประชุม และพื้นที่จัดงานและบริการต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน นอกจากนี้ จัสโคยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการตลาดแบบดิจิทัลและการใช้สื่อสมัยใหม่ขององค์กรธุรกิจ ด้วยการให้บริการสตูดิโอสำหรับไลฟ์สตรีมมิ่งและพอดคาสต์ ทั้งสำหรับสมาชิกและบุคคลทั่วไป

มร. คง วัน ลง ผู้ก่อตั้งร่วมและซีซีโอ จัสโค (ขวา) และ คุณวิมลนิตย์ เลิศพิทักษ์กิจ ผู้จัดการทั่วไป ประเทศไทย และอินโดนีเซีย จัสโค (ซ้าย) ณ งานแถลงข่าวเปิดตัว จัสโค สาขาสีลมเอจ

          มร. คง วัน ลง ผู้ก่อตั้งร่วมและซีซีโอ จัสโค กล่าวว่า “ในปัจจุบัน รูปแบบการทำงานแบบไฮบริดไม่ใช่แค่เทรนด์อีกต่อไป สิ่งนี้ได้กลายมาเป็นแนวทางใหม่สำหรับการทำงานในปัจจุบันและอนาคต โดยทุกวันนี้ หลายธุรกิจที่สัญญาเช่ากำลังจะหมดลง เริ่มหันมาพิจารณาพื้นที่การทำงานที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า เพื่อการวางแผนทางการเงินที่คล่องตัวขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดจากจำนวนสมาชิกของจัสโคในแต่ละสาขาที่มีสูงถึง 80% ทั่วเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มีสมาชิกเข้าใช้บริการเต็มเกือบทุกสาขา จัสโค ถือเป็นพื้นที่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรทุกขนาดได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น บรรษัทข้ามชาติ หรือบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระหว่างประเทศที่ต้องการขยายฐานมาสู่กรุงเทพฯ”

          “ในมุมมองธุรกิจ การขยายสาขาไปทั่วโลก จะช่วยให้เราสามารถมอบพื้นที่การให้บริการได้ดียิ่งขึ้น และครอบคลุมมากขึ้น ทั้งนี้ มีสมาชิกของจัสโคจำนวนไม่น้อยที่มีการดำเนินงานในระดับภูมิภาค การเป็นสมาชิกของจัสโคเพียงแห่งเดียว ก็สามารถเข้าใช้บริการสาขาที่มีมากกว่า 45 แห่งของเราได้ทั้งหมด พร้อมโต๊ะทำงานที่พร้อมรองรับสมาชิกได้มากกว่า 30,000 รายทั่วเอเชียแปซิฟิก” คง วัน ลง เสริม

          คุณวิมลนิตย์ เลิศพิทักษ์กิจ ผู้จัดการทั่วไป ประเทศไทย และอินโดนีเซีย จัสโค กล่าวว่า “แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก ซึ่งกินระยะเวลามายาวนานกว่า 2 ปี แต่ฐานลูกค้าของจัสโคในประเทศไทยกลับเติบโตสูงขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับต้นปี 2563 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน เราให้บริการสมาชิกมากกว่า 6,000 รายในประเทศไทย เราเชื่อว่าด้วยจุดแข็งของจัสโค ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่การทำงานที่ยืดหยุ่น ราคาที่เข้าถึงได้ ทีมงานที่พร้อมให้บริการ ไปจนถึงทำเลที่เหมาะสม ทำให้เราสามารถเติบโตไปพร้อมกับสมาชิกของเราได้ในระยะยาว และสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง”

By admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *