ในปัจุบัน เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญความท้าทายครั้งสำคัญหลายอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมใหม่ๆ เทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (สิงคโปร์) พีทีอี. แอลทีดี. (JTS สิงคโปร์) เป็นบริษัทย่อยของบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้นำทางด้านระบบไอทีและเทคโนโลยีแบบครบวงจรของประเทศไทย ได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องพลังงานโซลาเซลล์ และ ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ตั้งแต่แรกเริ่ม ทั้งสองบริษัทพร้อมแล้วที่จะก้าวไปสู่การขุดเหมืองบิทคอยน์ที่ยั่งยืนมากขึ้น (Go Green) โดยมุ่งหวังที่จะใช้นวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยให้เรามุ่งสู่เหมืองขุดบิทคอยน์สีเขียว 100%

          กลุ่มบริษัท JTS เป็นผู้นำของการให้บริการด้านระบบโทรคมนาคม และเป็นเจ้าของเหมืองขุดบิทคอยน์ขนาดใหญ่ที่สุดในในประเทศไทย โดยมีกำลังการขุดอยู่ที่ 0.9 BTC ต่อวัน หรือประมาณ 250,000 เทราแฮชต่อวินาที ในส่วนของ JTS Singapore ก็มุ่งมั่นที่จะดำเนินงานตามหลักของกลุ่มบริษัทภายใต้พันธกิจร่วมกันคือการมุ่งสู่ความยั่งยืน (Go Green)

          นอกจากนี้ เพื่อมุ่งสู่การเป็นเหมืองขุดบิทคอยน์ที่ยั่งยืน กลุ่มบริษัท JTS ได้สนับสนุนการนำเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้กับเครื่องขุดบิทคอยน์ โดยในปัจจุบันกำลังวางแผนเพื่อทำการการลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์จำนวน 4 เมกะวัตต์ ซึ่งการดำเนินการการเหล่านี้เป็นสิ่งที่กลุ่มบริษัทตั้งใจที่จะใช้แหล่งพลังงานสีเขียวเป็นหลักในการรับมือกับความต้องการของอนาคตข้างหน้า

          กลุ่มบริษัท JTS คาดการณ์เอาไว้ว่า ภายในปี 2024 จะสามารถขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ถึง 200 เมกะวัตต์ และ มีพลังงานแบตเตอรี่สำรองมีกำลังการจุถึง 570 เมกะวัตต์ ซึ่งจะถึงช่วงปรากฏการณ์ Bitcoin halving ครั้งต่อไปที่ จะเกิดขึ้นทุกๆ 840,000 บล็อกพอดี โดยคาดว่าจะสามารถใช้ระบบโซล่าเซลล์ได้ทั้งหมด 100% และเป็นระบบออฟกริดด้วย

          ตามที่ประธานกรรมการ เจทีเอส ไทยแลนด์ ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา ได้กล่าวไว้ ทางกลุ่มบริษัทมุ่งเน้นที่จะพัฒนาเครือข่ายระดับโลก เพื่อเชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เละผู้ที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมในโปรโจคนี้ นอกจากนี้ยังวางแผงที่จะนำเทคโนโลยีบล็อกเชน เช่น การติดตามสถานะโดยการใช้เทคโนโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ และการทำธุรกรรมด้วย smart contracts

          ปี 2023 ข้างหน้านี้คงจะเป็นปีที่น่าตื่นเต้นสำหรับกลุ่มบริษัท JTS โดยการมุ่งไปสู่เป้ามายการเป็นเหมืองขุดบิทคอยน์สีเขียวในอาเซียนภายในปี 2024 อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับJTS และผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ทางกลุ่มบริษัทยังคงตั้งใจจะนำเสนอหลายโครงการที่เกี่ยวข้องกับ บล็อกเชน และเทคโนโลยีสีเขียว  โดยอัตรา Hash rate ที่เกิดจากเหมืองขุดบิทคอยท์สีเขียวจะช่วยเพิ่มผลกำไรมากขึ้นในขณะที่ก็ช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อมของโลกอีกด้วย โครงการของเหล่านี้และความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสิ่งแวดล้อม ธุรกิจ และตัวบุคคลในระยะยาว

By admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *