สมาคมเกษตรกรรมแห่งเยอรมนี (DLG) ร่วมกับ บริษัท วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค พร้อมด้วยสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ (IRRI) กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทของเวียดนาม (MARD) และคณะกรรมการท้องถิ่นประจำเมือง Can Tho ร่วมกันเป็นเจ้าภาพในการจัดงานแสดงสินค้าและการสาธิตเครื่องจักรกลางแจ้งในพื้นที่นาข้าวขนาดใหญ่ ถึง 10 เฮกตาร์ ในวันที่ 24 – 26 สิงหาคม พ.ศ. 2565  ในเมือง Can Tho ประเทศเวียดนาม ภายใต้ธีมการจัดงานคือ “การใช้กลไกที่เหมาะสมเพื่อการทำเกษตรอย่างยั่งยืน” – โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วม 4,000 คน และมีการจัดแสดงเครื่องจักรกว่า 300 เครื่อง

          ทั้งนี้งาน AGRITECHNICA ASIA Live  2022 (อะกริเทคนิก้า เอเชีย ไลฟ์ 2022) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 24-26 สิงหาคม ในเมือง Can Tho ประเทศเวียดนาม กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทของเวียดนาม (MARD) พร้อมด้วยผู้จัดงานจาก สมาคมเกษตรกรรมแห่งเยอรมนี (DLG) บริษัท วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค โดยมีหลากหลายกิจกรรมหลักภายในงาน ตั้งแต่งานสัมมนา ไปจนถึงการสาธิตภาคสนามที่มีเครื่องจักรมาร่วมจัดแสดงกว่า 300 เครื่อง จากกว่า 50 แบรนด์ ทั้งในประเทศเวียดนามและต่างประเทศ โดยงานนี้ครอบคลุมนาข้าวถึง 10 เฮกตาร์ และได้รับการสนับสนุนจากสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ International Rice Research Institute (IRRI) ด้วยคอนเสปงานที่ครอบคลุม ในหัวข้อ “การใช้กลไกที่เหมาะสมเพื่อการทำเกษตรอย่างยั่งยืน” งาน AGRITECHNICA ASIA Live 2022

          โดยจะสาธิตเครื่องจักรที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่การไถพรวนไปจนถึงการเก็บเกี่ยว ทางผู้จัดคาดว่าจะมีเกษตรกร ผู้ค้าขาย และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการฟาร์มกว่า 4,000 ราย จากทั้งในประเทศเวียดนามและประเทศโดยรอบเข้าร่วมงานในครั้งนี้   โดยงาน AGRITECHNICA ASIA Live 2022 จะถูกจัดขึ้นที่เมือง Can Tho ณ ใจกลางพื้นทีสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง

          งานแสดงสินค้าแบบกลางแจ้งครั้งนี้ได้ช่วยเปิดโอกาศให้กับเกษตรกรในการเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ มีส่วนช่วยในการสนับสนุนการทำการเกษตรแบบยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายสำคัญของประเทศเวียดนาม”  ดร. Le Quoc Thanh ผู้อำนวยการ ศูนย์ส่งเสริมการเกษตรแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบท (MARD) กล่าว

          อย่างไรก็ตามในงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นที่เมือง Can Tho ณ สถานที่จัดของงาน AGRITECHNICA ASIA Live 2022 ซึ่งในงานแถลงข่าว มีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายหน่วยงาน กระทรวง สถาบันวิจัย รวมถึงบริษัทต่างๆ

          “ภายในงาน จะได้เห็นผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์มารวมตัวกัน เพื่อนำเสนอนโยบาย และแผนงานสำหรับการใช้เทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจการเกษตรในเวียดนามอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ AGRITECHNICA ASIA Live 2022 ยังถือเป็นโอกาสสำหรับพันธมิตรจากทั้งในและต่างประเทศในการหาคู่ค้าทางธุรกิจที่เหมาะสม

          อีกทั้งยังมีส่วนช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมของประเทศเวียดนาม และเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนชาวเวียดนามกับชาวต่างชาติ” ดร.Thanh ได้กล่าวเพิ่มเติม

          ภายในงาน AGRITECHNICA ASIA Live 2022 ผู้แสดงสินค้าจะสาธิตเทคโนโลยีสมัยใหม่ บนสถานที่จริง ซึ่งเป็นแปลงเพาะปลูกพืชผลท้องถิ่น ที่มีการรณรงค์เรื่องการเพาะปลูกอย่างยั่งยืน โดยให้ผู้แสดงสินค้าทดลองสินค้าจริงในแปลงทดลอง พร้อมการบรรยายวิธีการใช้งานรวมถึงการนำเสนอแนวทางการเพาะปลูกสำหรับข้าวและพืชผลในภูมิภาคอื่นๆ นอกจากการสาธิตภาคสนามแล้วยังมีการแสดงอุปกรณ์สำหรับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและอาหาร การผลิตผักและผลไม้ ปศุสัตว์ และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำซึ่งเวียดนามจัดอยู่ในห้าอันดับแรกของโลก

          นอกจากงานแสดงสินค้าและการสาธิตการใช้เครื่องจักรทางการเกษตรในภาคสนาม ยังมีงานสัมมนาเชิงปฏิบัติและการเสวนาเกี่ยวกับการทำฟาร์มอัจฉริยะ  การผลิตที่ยั่งยืน และหัวข้อการใช้เครื่องจักรที่จัดทำโดยผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ และระดับนานาชาติ จากสถาบันการศึกษา บริษัทเอกชน บริษัทตัวแทนจำหน่าย และหน่วยงานภาครัฐ   รวมถึงกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบท (MARD)

          อีกทั้งยังมีกิจกรรมที่จะส่งเสริมการเจรจาธุรกิจ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานแสดงสินค้าที่จะจัดขึ้นในช่วงเวลา 3 วันเต็ม ที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมได้แบ่งปันประสบการณ์และความรู้ได้อย่างทั่วถึง

          ทั้งนี้ งาน AGRITECHNICA ASIA Live 2022 จะเดินตามรอยความสำเร็จของงานที่เคยจัดขึ้นในประเทศพม่า และช่วยเปิดโอกาสเปิดโอกาสให้เกษตรกรและผู้เชี่ยวชาญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เห็นอุปกรณ์ที่ใช้งานได้จริงในสนามพร้อมทั้งได้รับความรู้ และการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ   โดยงานดังกล่าว  ถือเป็นการแสดงให้เห็นได้ถึงความสำเร็จของงานที่ได้จัดขึ้นมาแล้วทุก2ปี   นั่นคืองานแสดงสินค้าเครื่องจักรกลการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่จัดขึ้น ในเมืองฮันโนเวอร์ประเทศเยอรมัน อย่างไรก็ตามผู้เข้าร่วมงานที่ ประเทศเวียดนามในครั้งนี้  จะมีโอกาสในการหารือเกี่ยวกับตลาดเวียดนามและโอกาสที่จะนำเสนอบริษัทต่างชาติให้กับผู้คนในประเทศได้มากขึ้นอย่างกว้างขวาง

        ทั้งนี้ สำกรับข้อมูลพื้นฐาน: ธุรกิจการเกษตรในประเทศเวียดนาม สามารถกล่าวได้ว่า 18% ของ GDP ของประเทศเวียดนาม และ 39% ของประชากรกว่า 100 ล้านคนในประเทศเวียดนามทำงานด้านเกษตรกรรมเป็นหลัก. โดยเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมทางด้านผลผลิตทางการเกษตรนับว่าเป็นพื้นฐานเศรษฐกิจที่สำคัญในประเทศเวียดนาม

          ด้วยสภาพอากาศแบบเขตร้อน ดินที่อุดมสมบูรณ์ น้ำประปาที่อุดมสมบูรณ์ และความหลากหลายทางชีวภาพที่อุดมสมบูรณ์. โดยเกษตรกรเวียดนามได้เพิ่มการผลิตทางการเกษตรโดยมีอัตราการเติบโตมากกว่า 3.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปีในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา   โดยรายได้จากการส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาจาก 4.2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2547 เป็น 41.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2562 ทำให้เวียดนามเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้     ซึ่ง ข้าวนับเป็นพืชผลที่มีอิทธิพลมากที่สุดที่เป็นตัวพยุงชีพของแรงงานในชนถึงบทสองในสามของประเทศ ด้วยผลผลิตมากกว่า 40 ล้านตันต่อปี

          ประเทศเวียดนามเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับสองของโลก ซึ่งทางรัฐบาลท้องถิ่นกำลังส่งเสริมการใช้เครื่องจักรกลของภาคส่วนภายในแผนพัฒนาของตน เพื่อเพิ่มผลผลิตและความสามารถในการส่งออก  รวมทั้งผลิตได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งน่าจะสามารถผลักดันความต้องการอุปกรณ์และเครื่องจักรการเกษตรต่อไป  ผูู้ประกอบการที่สนใจ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.vnuasiapacific.com  หรือโทรสอบถาม (02) 111-6611

By admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *