เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ขอชี้แจงรายละเอียด ภายหลังจากมีสื่อมวลชนบางสำนักได้มีการรายงานข่าวถึงความร่วมมือระหว่าง BYD และ สยามกลการ หรือ บริษัทในเครือสยามกลการ จึงขอชี้แจงว่าไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง
บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจําหน่ายและให้ บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการก่อตั้งขึ้นและบริหารงานโดยคุณประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในเดือนมิถุนายน 2565 ได้เริ่มแนะนำรถยนต์ไฟฟ้าบีวายดีรุ่นแรกที่บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด นำเข้ามาจำหน่าย คือ BYD ATTO 3 ช่วงปลายปี 2565 ได้รับกระแสตอบรับจากผู้บริโภคอย่างล้นหลาม ซึ่งปัจจุบันนี้มียอดจำหน่ายและส่งมอบไปแล้วมากกว่า 15,000 คัน จากการเริ่มเข้ามาในตลาดประเทศไทยปีแรก สร้างปรากฏการณ์ขึ้นเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า มียอดจดทะเบียนในกลุ่มนี้มากที่สุดในครึ่งปี 2566 และมีการเปิดตัว BYD Dolphin ไปเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับจากผู้บริโภคอย่างดีเช่นกัน สำหรับการดำเนินงานและบริหารงานการขายรถยนต์ไฟฟ้ากลุ่มรถยนต์นั่งแบรนด์ BYD อยู่ภายใต้นาม บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด เพียงบริษัทเดียว และขอเรียนชี้แจงว่าทางบริษัทฯ ไม่ได้อยู่ในกลุ่มหรือในเครือของสยามกลการแต่อย่างใด
บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะนำยานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ (NEV: New Energy Vehicle) เช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เข้ามาให้ผู้ใช้รถเมืองไทยได้ใช้งาน เพื่อให้ประเทศไทยมีสภาพแวดล้อม มีอากาศที่ดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นยานพาหนะที่มีความประหยัดเป็นเลิศ สอดคล้องกับสภาวะในปัจจุบันที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเป็นระยะๆ โดย BYD มีแผนการเข้ามาบริการลูกค้าคนไทยในระยะยาว จากการลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่พวงมาลัยขวา เพื่อเป็นฐานการผลิต สนับสนุนการขายในประเทศ และ ส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอีกด้วย ซึ่งในเดือนกันยายน 2565 BYD ได้เซ็นสัญญาซื้อที่ดินจาก WHA เพื่อลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ BYD บนพื้นที่กว่า 600 ไร่ และต่อมาในเดือนมีนาคม 2566 จัดพิธีวางศิลาฤกษ์โรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกในประเทศไทย และขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการก่อสร้าง ณ นิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ จ.ระยอง โดยโรงงานแห่งนี้จะเริ่มกำลังการผลิตโดยมีกำหนดการตามแผนจะแล้วเสร็จภายในปี 2567 ซึ่งมีกำลังผลิตรถยนต์ BYD ต่อปีสูง ถึง 150,000 คัน ผลที่ได้รับทำให้เงินการจ้างงานและเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศไทยอย่างสูง