นายศุกรีย์ สุภาวรีกุล นายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการที่สมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทยได้รับความไว้วางใจจากสหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสโลก(WBPF) ให้ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์โลก ประจำปี 2022 ครั้งที่ 13 ซึ่งนับเป็นอีกครั้งที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพชิงแชมป์โลก ในครั้งนี้ หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อสี่ปีก่อนที่ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ที่ จังหวัดเชียงใหม่ในปี 2561 เป็นการแข่งขันครั้งที่ 10 และ เป็นเจ้าภาพในครั้งที่ 8 ที่ พัทยา ปี 2559
“สำหรับการรับเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ทางสมาคมได้กำหนดจัดขึ้น ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ซึ่งจะเป็นเวทีประชันกล้ามสวยจากทั่วโลกในระหว่างวันที่ 6-12 ธันวาคม และล่าสุดจากการปิดรับการส่งข้อมูลการสมัครเข้าร่วมการแข่งขันจากประเทศสมาชิกของทางสหพันธ์ มีชาติสมาชิกตอบรับเข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 44 ประเทศ ประกอบด้วย 1. กัมพูชา, 2. ฮังการี, 3. อัฟกานิสถาน, 4. เมียนมาร์, 5. มัลดีฟส์, 6. อุซเบกิสถาน, 7. อินโดนีเซีย, 8. นิว คาลิโดเนีย, 9. ศรีลังกา, 10. เวียดนาม, 11. คาซัคสถาน, 12. สหรัฐอเมริกา, 13. อินเดีย, 14. บูรไน, 15. มาเลเซีย,16. ฮ่องกง, 17. โรมาเนีย, 18. มาดากัสกา, 19. ภูฏาน, 20. อิตาลี, 21. เกาหลีใต้, 22. เคนยา, 23. จีนไทเป, 24. อิรัก, 25. มองโกเลีย, 26. มอริเชียส, 27. เนปาล, 28. ทาจิกิสถาน, 29. ปากีสถาน, 30. คูเวต, 31. มาเก๊า, 32.ออสเตรีย, 33. เยอรมัน, 34. สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์, 35. สปป.ลาว, 36. ออสเตรเลีย, 37. ยูเครน, 38. อียิปต์, 39. สิงคโปร์, 40. ไทย, 41. อิหร่าน, 42. บาห์เรน, 43. ปาเลสไตน์, 44. สาธารณะรัฐประชาชนจีน”
“โดยมีจำนวนนักกีฬาและเจ้าหน้าที่กว่าหนึ่งพันคนที่จะเข้าการแข่งใน 43 รุ่นการแข่งขันที่ทางสหพันธ์กำหนด ซึ่งเชื่อว่าการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมกีฬาในช่วงปลายปีให้กับประเทศไทยได้นับร้อยล้านบาท”
“ทั้งนี้ในส่วนของทัพนักกีฬาเพาะกายและฟิตเนสทีมชาติไทย ทางสมาคมได้มีการคัดเลือกตัวนักกีฬาที่มีผลงานในการแข่งขันระดับต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศเพื่อส่งเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้จำนวน 45 คน และจะมีการเรียกนักกีฬาทั้งหมดมารายงานตัวเพื่อทดสอบสมรรถภาพร่างกายก่อนการแข่งขันในช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้ ด้วย”