เวด ออร์มส์บี นักกอล์ฟจากออสเตรเลีย เฉือน ชลทิตย์ ชื่นบุญงาม ที่หลุมแรกของการซัดเด้นเดธเพลย์ออฟ หลังทั้งคู่จบสกอร์ 72 หลุมเท่ากันที่ 20 อันเดอร์พาร์ 268 คว้าแชมป์เอเชียนทัวร์รายการที่สี่ในชีวิต ในศึกอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ ไทยแลนด์ ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 66 ล้านบาท ณ สนามแบล็คเมาน์เท่น กอล์ฟคลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เอเชียน ทัวร์ จัดการแข่งขันอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ ไทยแลนด์ ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 66 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 9-12 มีนาคมที่ผ่านมา ณ สนามแบล็คเมาน์เท่น กอล์ฟคลับ ระยะ 7,551 หลา พาร์ 72 อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ รายการที่สามของฤดูกาลต่อจาก โอมาน และ กาตาร์ และเป็นรายการที่ 5 ของเอเชียนทัวร์ฤดูกาล 2023
การแข่งขันในรอบสุดท้ายต้องยืดเยื้อถึงการดวลซัดเด้นเดธเพลย์ออฟหลังจาก เวด ออร์มส์บี นักกอล์ฟจากออสเตรเลียที่จบสกอร์รอบสุดท้ายเข้ามาอีก 7 อันเดอร์พาร์ 65 รวมสี่วัน 20 อันเดอร์พาร์ 268 เท่ากับ ชลทิตย์ ชื่นบุญงาม นักกอล์ฟไทยที่กดเพิ่มอีก 8 อันเดอร์พาร์ 64 จาก 9 เบอร์ดี้ 1 โบกี้
การเพลย์ออฟที่หลุม 18 พาร์ 5 ระยะ 595 หลาจบลงด้วยชัยชนะของนักกอล์ฟจากออสเตรเลียที่ขึ้นมาพัตต์เบอร์ดี้ระยะ 10 ฟุตลงไปก่อน ส่วน ชลทิตย์ มีโอกาสพัตต์เบอร์ดี้ระยะประมาณ 7 ฟุตเพื่อยันเสมอ แต่ลูกเลยปากหลุมไปอย่างน่าเสียดาย ส่งผลให้ เวด ออร์มส์บี คว้าแชมป์พร้อมรับเงินรางวัลไปครอง 360,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 12 ล้านบาท
เวด ออร์มส์บี ที่คว้าแชมป์เอเชียนทัวร์รายการที่สี่ในอาชีพต่อจากศึกพานาโซนิก โอเพ่น อินเดีย 2013 และ ฮ่องกง โอเพ่น 2017 กับ 2020 เปิดเผยว่า “วันนี้ผมเล่นดี ช่วงเพลย์ออฟผมก็พยายามเล่นตามเกมและดีใจที่ทำได้ เพราะว่ามันก็นานสามปีแล้วหลังจากแชมป์ครั้งล่าสุดที่ฮ่องกง และการได้แชมป์อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ ครั้งแรกก็รู้สึกดีอีกด้วยผมก็หวังว่าต่อไปนี้จะทำผลงานได้ดีอย่างนี้ต่อไป”
ส่วน ชลทิตย์ ชื่นบุญงาม ที่จบรอบสุดท้าย 8 อันเดอร์พาร์ 64 ได้รับเงินรางวัลปลอบใจไป 220,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 7.4 ล้านบาท ซึ่งหนุ่มวัย 24 ปีจากนครปฐมกล่าวว่า “จริงๆ รู้สึกดีใจที่จบอันดับสอง ถือว่าเกินเป้าหมายมาก เป็นสัปดาห์ที่ผมจัดการกับระบบความคิดได้ดีมาก แต่ในช่วงท้ายตั้งแต่หลุม 13 เป็นต้นมาค่อนข้างกดดัน แต่ก็พยายามอยู่กับตัวเอง ไม่พยายามไปคิดถึงลีดเดอร์บอร์ดมาก ถ้าจะให้กลับไปเปลี่ยนแปลงอะไรที่ผิดพลาด ผมไม่ย้อนกลับไปดีกว่า เพราะอย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้ว่าเราเล่นได้ดีแล้วถึงมันจะไม่ใช่สัปดาห์ของเรา”
ขณะที่ เศรษฐี ประคองเวช แชมป์เอดีที 1 รายการที่กำลังลุ้นแชมป์เอเชียนทัวร์รายการแรกในชีวิต ประเดิมรอบสุดท้ายด้วยโบกี้ตั้งแต่หลุใแรก แต่แก้ตัวเก็บคืนมา 6 เบอร์ดี้ ก่อนจบรอบสกอร์สุดท้ายเข้ามาอีก 5 อันเดอร์พาร์ 67 รวมสี่วันขึ้นมาจบการแข่งขันในอันดับที่หกร่วมด้วยสกอร์ 17 อันเดอร์พาร์ 271 เท่ากับ อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ นักกอล์ฟชาวหัวหินที่จบสกอร์รอบสุดท้ายเข้ามา 2 อันเดอร์พาร์ 70
เศรษฐี นักกอล์ฟวัย 28 ปีจากชลบุรี ค่อนข้างพอใจกับผลงานของตัวเองในสัปดาห์นี้ “เกมในสัปดาห์นี้มันดีกว่ามาตรฐานในทุกๆส่วน ไม่ว่าจะเป็นทีช็อต หรือช็อตแอพโพรช ไม่มีเสียช็อตจากลกพวกนี้เลย ก็ถือว่าเล่นได้ตามมาตรฐาน มีแค่วันที่สามที่ทำเบอร์ดี้ไม่ได้ พัตต์เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา แต่ไม่ได้มีปัญหาจากช็อตหรือเกมของเรา”
ทางด้าน โปรอาร์ม-กิรเดช อภิบาลรัตน์ ซึ่งออกสตาร์ตรอบสุดท้ายด้วยการตามหลังผู้นำเพียง 2 สโตรก ในวันสุดท้ายเก็บเพิ่มมาอีก 6 เบอร์ดี้ก่อนจบรอบ 3 อันเดอร์พาร์ 69 รวมสี่วัน 16 อันเดอร์พาร์ 272 จบการแข่งขันในอันดับที่สิบสองร่วมกับ เอกปริษฐิ์ หวู่ หนุ่มระยองที่ในรอบสุดท้ายทำเข้ามาเพิ่มอีก 5 อันเดอร์พาร์ 67
กิรเดช แชมป์เอเชียนทัวร์ 3 รายการกล่าวว่า “โดยรวมผลงานทั้งสัปดาห์ไม่ได้อยู่ในขั้นเลวร้าย ไม่ได้อยู่ในช่วงที่ดีที่สุดแต่ผมพยายามนำตัวเองมาอยู่ในจุดที่มีโอกาสทุกวัน วันที่สามสตาร์ตไม่ดีแต่กลับมาได้ในรอบหลังจนตามไม่กี่แต้ม และจุดหนึ่งของรอบสุดท้ายตามแค่แต้มเดียว ต้องยอมรับว่าพลาดง่ายเกินไป คือกอล์ฟวันสุดท้ายมันจะเข้าเส้นชัยอยู่แล้ว มันไม่ควรพลาด ต้องผิดรอยรั่วได้ดีกว่านี้ ก็อย่างที่บอกว่าอยากได้แชมป์ในบ้าน ทำให้ตั้งใจมากแต่ผลมันไม่อาจจะเป็นไปอย่างที่ต้องการ”
ส่วนผลงานของนักกอล์ฟไทยคนอื่นๆที่น่าสนใจ “ทีเค” รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ นักกอล์ฟสมัครเล่นวัย 16 ปี ทำสกอร์เข้ามาอีก 4 อันเดอร์พาร์ 68 รวมสี่วัน 15 อันเดอร์พาร์ 273 จบอันดับ 15 ร่วมกับ สุธีพัทธ์ ประทีปเธียรชัย ที่ตีเข้ามา 68 เช่นกัน, สดมภ์ แก้วกาญจนา จบอันดับ 27 ร่วม ที่สกอร์รวม 13 อันเดอร์พาร์ 275 ขณะที่ นิติธร ทิพย์พงษ์, จณัตว์ สกุลพลไพศาล และ พชร คงวัดใหม่ จบอันดับ 34 ร่วมกันที่สกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ 276
ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour