“ลุมพินีเกริกไกร ชาวไทยย่อมรู้” คำนิยามที่แสดงความเป็นสนามมวยเวทีมาตรฐานอันยาวนานทุกยุคทุกสมัย แม้ช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา จะต้องปรับตัวอย่างหนักสู่มาตรฐานใหม่ ตามคำสั่งของบอร์ดบริหารสนามมวยเวทีลุมพินี คือปลอดการพนัน 100 % พร้อมพัฒนาเปลี่ยนแปลง “สนามมวยเวทีลุมพินี” เป็น “ศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก” (มวยไทยลุมพินี) ควบคู่กันไป ซึ่ง “บิ๊กแดง” พล.ท.สุชาติ แดงประไพ นายสนามคนปัจจุบัน ได้เปิดกลยุทธ์สู่ความสำเร็จด้วยการจับมือกับ สภามวยโลกมวยไทย (WBC Muaythai) ส่งเสริมมวยไทยสู่มาตรฐานสากล
พล.ท.สุชาติ แดงประไพ นายสนามมวยเวทีลุมพินี และ พล.ต.อ.โกวิท ภักดีภูมิ ประธานสภามวยโลกมวยไทย (WBC Muaythai) เป็นประธานในพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาและส่งเสริมมวยไทยสู่สากลระหว่าง ศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก (มวยไทยลุมพินี) กับ สภามวยโลกมวยไทย (WBC Muaythai) ซึ่งเป็นองค์กรกีฬามวยไทยระดับนานาชาติ ภายใต้การนำของสภามวยโลก (World Boxing Council : WBC)โดยมี พล.ต.รณวุธ เรืองสวัสดิ์ รองนายสนามมวยเวทีลุมพินี และ พ.อ.ธนพล ภักดีภูมิ เลขานุการฝ่ายบริหารสภามวยโลกมวยไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน เมื่อ วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10.30 น. ที่ สนามมวยเวทีลุมพินี ถ.รามอินทรา กทม.
บุคคลสำคัญที่ร่วมงานในครั้งนี้ ยังมี พล.ต.สุรินทร์ ปรียานุภาพ เลขาธิการสนามมวยเวทีลุมพินี , พ.อ.สุรัตน์ รัตนสังข์ หัวหน้าฝ่ายธุรการ , พ.อ.จตุพร ดิสราพร ผู้ช่วยเลขาธิการ , มิสเตอร์ เควิ่น นูน เลขาธิการสภามวยโลกมวยไทย , ดร.ปรีชาพร สุวัฒโนดม รองเลขาธิการสภามวยโลกมวยไทย , พ.ท.ธิวุตม์ สุวรรณมาศ รองเลขานุการฝ่ายบริหารสภามวยโลกมวยไทย และ พ.อ.นพเก้า ศรีบุญเรือง พร้อมกันนี้ยังมี ผู้แทนนักมวยทหารชื่อดังร่วมงานด้วย เช่น สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง และ ธนัญชัย ศิษย์สองพี่น้อง
สำหรับขอบเขตความร่วมมือของ ศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก (มวยไทยลุมพินี) กับ สภามวยโลกมวยไทย (WBC Muaythai) ก็เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนมวยไทยให้เป็นกีฬามาตรฐานระดับนานาชาติ และพัฒนาสนามมวยเวทีลุมพินีให้เป็นศูนย์กลางการแข่งขันกีฬามวยมาตรฐาน รวมทั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้และศูนย์ฝึกอบรมศิลปะมวยไทยระดับสากล รวมถึงส่งเสริมให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงกีฬา และวัฒนธรรมการต่อสู้ป้องกันตัวสำหรับนักกีฬามวยและประชาชนทั่วไปทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตลอดจนส่งเสริมให้มวยไทยมีส่วนช่วยสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและช่วยเหลือสังคม
ด้าน พล.ท.สุชาติ กล่าวว่า “ตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่งนายสนาม ในช่วงที่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจากบอร์ดของสนามให้สนามมวยเวทีลุมพินีปลอดการพนัน 100% จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมาก สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ลุมพินีสัมฤทธิ์ผลได้คืออนุรักษ์มวยไทยแบบดั้งเดิม และยกระดับมวยรูปแบบใหม่มากขึ้น เช่น มวย 3 ยก มวยเอ็นเตอร์เทน รวมถึงศิลปะการต่อสู้อื่นๆ ตามความเหมาะสมด้วย และไม่ปิดกั้นมวยผู้หญิงให้แสดงฝีมือ พร้อมปรับสถานที่ใหม่ เน้นแสง สี เสียง ความเป็นอินเตอร์มากขึ้น และยกระดับให้เป็นสนามกีฬาระดับนานาชาติพร้อมสู่ความเป็นมาตรฐานสากล โดยแนวความคิดดังกล่าว จะบรรลุวัตุประสงค์ได้ จะต้องทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพเพียงพอ โดยเฉพาะในระดับนานาชาติ นั่นคือการจับมือกับ สภามวยโลกมวยไทย ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับความนิยมสูงสุดในต่างประเทศและมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั่วโลก โดยวันนี้มีความยินดีเป็นอย่างมากที่จะได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และต้องขอบพระคุณผู้บัญชาการกองทัพบก ที่กรุณาให้โอกาสและความไว้วางใจตนได้ทำงานอย่างเต็มที่ แม้จะอยู่บนความยากลำบากก็ตาม แต่เชื่อว่าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปความเป็นรูปธรรมต่างๆ จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
ส่วนทาง พล.ต.อ.โกวิทฯ กล่าวว่า “ถือเป็นวันดีมากๆ เพราะถือเป็นเดือนที่ครบรอบ 20 ปีพอดี กับการริเริ่มก่อตั้งองค์กรสภามวยโลกมวยไทย ตั้งแต่ตนพร้อม ดร.โฮเซ่ สุไลมาน อดีตประธานสภามวยโลก WBC ได้เข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน และได้ทรงมีพระกรุณาโปรดรับสั่งให้ส่งเสริมและสนับสนุนมวยไทยให้เป็นกีฬาที่มีมาตรฐานในระดับนานาชาติ ภายใต้การนำของสภามวยโลก WBC ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้กับสนามมวยเวทีลุมพินี ซึ่งเป็นเวทีมวยมาตรฐาน ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้มวยไทยมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทยก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ในระดับโลกต่อไป”