เอเชียน ทัวร์ ประกาศสนามแข่งขันรอบควอลิฟายอิงสคูลสเตจแรกสำหรับฤดูกาล 2025 รวม 7 สนาม ก่อนคัดยอดฝีมือเข้าสู่รอบสุดท้ายที่สนามเลควิว รีสอร์ท แอนด์ กอล์ฟ คลับ จังหวัดเพชรบุรี ในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อชิงทัวร์การ์ดลงเล่นในฤดูกาลหน้าต่อไป
ศึกกอล์ฟเอเชียนทัวร์ ควอลิฟายอิงสคูล เป็นเวทีการแข่งขันเพื่อคัดเลือกนักกอล์ฟจากทุกทวีปของโลก เข้าไปร่วมแข่งขันในเอเชียนทัวร์ฤดูกาลหน้า ล่าสุดเอเชียนทัวร์ประกาศจัดการแข่งขันรอบควอลิฟายอิงสคูลสเตจแรกรวม 7 สนามในปีนี้ ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของทัวร์ โดยจะเปิดฉากที่สนามเมาน์ท เดอร์ริมุต กอล์ฟ แอนด์ คอมมูนิตี้ คลับ ในกรุงเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 17-20 กันยายนนี้
จากนั้นข้ามไปแข่งขันที่ประเทศสหรัฐอเมริกา 2 สนาม เริ่มที่สนามเทโซโร คลับ ในรัฐฟลอริด้า ระหว่างวันที่ 29 กันยายน – 1 ตุลาคม และสนาม โซโบบ้า สปริงส์ กอล์ฟ คลับ รัฐแคลิฟอร์เนีย ระหว่างวันที่ 5-8 พฤศจิกายน ตามด้วยอีก 4 สนามในประเทศไทยได้แก่ สนามพัฒนา สปอร์ตส์ คลับ จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 3-6 ธันวาคม ต่อด้วยสนามฟีนิกซ์ โกลด์ กอล์ฟ แบงค็อก, สนามกรังด์ปรีซ์ กอล์ฟ คลับ จ.กาญจนบุรี และสนามสปริงฟิลด์ รอยัล คันทรี คลับ จ.เพชรบุรี ซึ่งทั้งสามสนามนี้จะแข่งขันพร้อมกันระหว่างวันที่ 10-13 ธันวาคม ขณะที่รอบสุดท้ายจะดวลกันที่สนามเลควิว รีสอร์ท แอนด์ กอล์ฟ คลับ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ระหว่างวันที่ 17-21 ธันวาคมนี้
โช มินน์ ตันท์ กรรมาธิการและซีอีโอของเอเชียนทัวร์ เผยว่า “ด้วยจำนวนสนามแข่งขันรอบควอลิฟายอิงสคูลถือเป็นตัววัดความสำเร็จของเอเชียน ทัวร์ และอีกครั้งในปีนี้เราคาดว่าจะได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากนักกอล์ฟทั่วโลกที่ต้องการเข้าร่วมในทัวร์ของเรา ทั้งนี้จากรายการแข่งขันและผู้เล่นระดับนานาชาติทำให้เราต้องจัดหาสนามแข่งขันที่มีคุณภาพ ด้วยเหตุนี้เราจึงกลับมาที่ออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา และจัดการแข่งขันรอบคัดเลือกสเตจแรกถึง 7 สนาม”
สำหรับการแข่งขันควอลิฟายอิงสคูลสเตจแรกแต่ละสนามจะแข่งกัน 4 รอบ เพื่อคัดผู้เล่นเข้าสู่สเตจสุดท้ายซึ่งจะดวลกัน 5 รอบ นักกอล์ฟที่ทำผลงานใน 35 อันดับแรก จะได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันเอเชียนทัวร์ ฤดูกาล 2025 ต่อไป
ทั้งนี้ในการแข่งขันเอเชียนทัวร์ ควอลิฟายอิงสคูล ที่ผ่ามมามีนักกอล์ฟร่วมชิงชัย 668 คน โดยมีผู้เล่น 219 คนจาก 35 ประเทศที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกของเอเชียน ทัวร์
ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour